เลือกอย่างไร เป็นอย่างนั้น

      ปิดความเห็น บน เลือกอย่างไร เป็นอย่างนั้น

     มีหลวงตาอยู่ท่านหนึ่งชอบเล่นหมากรุกเป็นชีวิตจิตใจ    ถ้าได้เล่น   หมากรุกแล้วไม่ทำอะไรเลยก็ได้   และหลงไหลมัวเมาจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น   ขาหมากรุกของหลวงตามีทั้งพระในวัดและญาติโยมในหมู่บ้าน   แต่คู่ขาที่ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน   ก็มีแต่ท่านรองสมภารกับผู้ใหญ่บ้าน   ถ้าทั้ง ๓ ท่านได้ร่วมวงกันวันไหน   รับรองวันนั้นจะได้ยินเสียงโขกหมากรุกกันสนั่นหวั่นไหวจนสว่างก็มี
     เช้าวันหนึ่งพอกระดานสุดท้ายเลิก   ก็ได้เวลาบิณฑบาตพอดี   หลวงตาของเรามักจะลงเรือคู่ชีพไปบิณฑบาตทันทีโดยไม่ต้องนอนพักผ่อน  หลังจากล่องเรือรับบิณฑบาตจากญาติโยมที่ใส่ประจำแล้ว   ก็มาถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้าน   
      เผอิญเวลานั้นผู้ใหญ่บ้านกำลังเล่นหมากรุกกับเพื่อนๆ อยู่   และเป็นหมากรุกตาสุดท้ายพอดี   ก็เลยนิมนต์หลวงตาขึ้นมาโขกกันสักกระดาน   ฝ่ายหลวงตาเมื่อถูกคู่แข่งท้าทาย   ก็รีบเอาบ่วงที่ปลายเชือกผูกเรือโยนคล้องหัวหลักผูกเรือ   แล้วก็ก้าวขึ้นสู่ฝั่งอย่างกระฉับกระเฉง   หนึ่งนาทีต่อมาเสือกับสิงห์ก็นั่งเผชิญหน้ากัน   มีกองเชียร์ของทั้ง ๒ ฝ่ายมุงดูอยู่โดยรอบ    ส่งเสียงเฮฮาทุกครั้งที่ฝ่ายของตนได้เปรียบ
     ขณะที่การชิงไหวชิงพริบกำลังดำเนินไปอย่างถึงพริกถึงขิง   น้ำในคลองก็ค่อยๆ สูงขึ้น   เรือของหลวงตาก็ลอยสูงขึ้นตามระดับน้ำ   เมื่อน้ำสูงขึ้นได้ระดับ   เชือกผูกเรือก็หลุดจากหลัก   เรือของหลวงตาหลุดลอยไปตามกระแสน้ำ   พอดีมีเด็กคนหนึ่งไปเห็นเข้า   จึงวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกหลวงตา
     “หลวงตาครับๆ   เรือของหลวงตาลอยไปแล้ว”
     “มันจะลอยไปได้ยังไงวะ   ม้าคุมอยู่ทั้งตัว”   หลวงตาตอบอย่างเคร่งขรึม   
     ตาจ้องอยู่ที่กระดานเช่นเดิม   กว่าหลวงตาจะรู้ว่าเรือลอยไป   ก็ทำให้หลวงตาเกือบอดฉันข้าวเช้าในวันนั้น   เพราะหมากรุกเป็นเหตุแท้ๆ 

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....