แผนการสอน พระไตรปิฎก

      ปิดความเห็น บน แผนการสอน พระไตรปิฎก

หน่วยการเรียนรู้  วิชาพระพุทธศาสนา หน่วยที่  4

เรื่อง    ความรู้เรื่องพระไตรปิฎก

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  2  ภาคเรียนที่ 2

เวลาเรียน    2   สัปดาห์                 3  คาบ

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง         นักเรียนมีความรู้ ความเข้าเกี่ยวกับความเป็นมาของพระไตรปิฏก เห็นความสำคัญของพระไตรปิฎก  สามารถสาระที่ได้รับจากพระไตรปิฎกไปเป็นแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตได้

สาระการเรียนรู้

1. ความเป็นมาของพระไตรปิฎก

พระไตรปิฏก  คือ  คัมภีร์หรือตำราหลักของพระพุทธศาสนา หมายถึงคัมภีร์หรือตำราทางพระพุทธศาสนาที่บรรจุและรวบรวมหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาทั้งหมดที่มีบันทึกไว้  โดยได้จัดเป็นหมวดหมู่  ฉบับภาษาบาลีอักษรไทยมี  45 เล่ม เท่ากับพรรษาของพระพุทธเจ้า  ฉบับแปลเป็นภาษาไทย มี 80 เล่ม เท่าพรรษาของพระพุทธเจ้า  แบ่งออกเป็น 3 ปิฎกหรือหมวด ได้แก่.-     

หมวดที่  1   เรียกว่า  วินัยปิฎก (พระวินัย)  ว่าด้วยวินัยหรือศีล คือระเบียบวินัย ของภิกษุและภิกษุณี  มีทั้งหมด   ๘    เล่ม    ตั้งแต่เล่มที่  1  ถึง  เล่มที่  8   มีหลักคำสอนทั้งหมด  21000 พระธรรมขันธ์ (หัวข้อธรรม)

หมวดที่  2  เรียกว่า   สุตตันตปิฎก (พระสูตร)  ว่าด้วยพระธรรมเทศนาโดยทั่วไปของพระพุทธเจ้าและพระสาวก  มีประวัติและท้องเรื่องประกอบ  มีทั้งหมด  ๒๕  เล่ม  ตั้งแต่เล่มที่  ๙   ถึง  เล่มเล่มที่   33 มีหลักคำสอนทั้งหมด 21000 พระธรรมขันธ์

หมวดที่  3    เรียกว่า   อภิธรรมปิฎก  (พระอภิธรรม)  ว่าด้วยหัวข้อธรรมะล้วนๆ  ไม่มีประวัติ และท้องเรื่องประกอบ 

มีทั้งหมด 12  เล่ม    ตั้งแต่เล่มที่  34  ถึง  เล่มที่  45 มีหลักธรรมทั้งหมด 42000 พระธรรมขันธ์

ในพระไตรปิฎก 45 เล่มนั้น  แต่ละหมวด จะประกอบด้วยหมวดย่อยไปอีกแตกต่างกันออกไปตามเนื้อหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้น

พระไตรปิฎก เดิมเรียกว่า พรหมจรรย์ ในสมัยพระพุทธเจ้าจดจำกันมาโดยวิธีมุขปาฐะ (ปากเปล่า) ซึ่งมีพระสงฆ์ที่ช่ำชองในแต่ละหมวด  ในด้านพระวินัย  ถือว่าพระอุบาลีเป็นผู้ทรงจำได้มากและนำมาถ่ายทอด   ในด้านพระสูตร   พระอานนท์ถือว่าเป็นผู้จำได้มากนำมาถ่ายทอด  ส่วนพระอภิธรรมปิฎก  ถือว่าพระสารีบุตรเถระ เป็นผู้สืบทอดมา  หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วก็ยังไม่มีพระไตรปิฎก มีเพียงพระธรรมวินัยเท่านั้น พระสงฆ์จึงจัดให้มีการสังคายนารวบรวมหลักคำสอนเป็นหมวดหมู่และจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรภาษาบาลีลงในใบลาน โดยพระรักขิตมหาเถระเป็นประธานในคราวทำสังคายนาที่ประเทศศรีลังกาในพุทธศตวรรษที่ 5(พ.ศ.450)  แต่นั้นจึงเรียกว่า พระไตรปิฎก มาจากคำว่า พระ+ไตร+ปิฎก  ซึ่งแปลว่า คัมภีร์ หรือ ตะกร้า 3 ใบอันประเสริฐ ประเทศไทยได้พิมพ์พระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลีอักษรไทยเป็นครั้งแรก เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 และในสมัยรัชกาลที่8 ได้เริ่มแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทยและแปลสำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 9  ได้พิมพ์เป็นครั้งแรกในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เมื่อ พ.ศ. 2500

พระไตรปิฎก มีความสำคัญเพราะเป็นคัมภีร์ที่จารึกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยพระธรรมและวินัย  ซึ่งพระธรรมวินัยนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า  เป็นจุดยืนของพระพุทธศาสนาที่ช่วยให้พุทธบริษัทได้มีแนวทางในการปฏิบัติตามหลักศาสนาในทิศทางเดียวกัน  ช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ไว้มาจนถึงปัจจุบันนี้

2. สาระสังเขปจากพระสูตร 

ในพระสุตตันตปิฎก มีเรื่องราวมากมายที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนแก่พุทธบริษัทไว้   มีเรื่องเหล่านี้เป็นต้น 

  1. คุณสมบัติของมิตรที่ดี  (พระสูตร อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, เล่มที่ 20  และสัตตกนิบาต  เล่มที่ 23)

มิตรที่ควรคบนั้น  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ  7  ประการ  คือ

1.  ให้สิ่งที่ให้ได้ยาก  (ของที่ตนรัก)

2.  ทำสิ่งที่ทำได้ยาก  ( ช่วยเพื่อนเวลามีความทุกข์)

3.  อดทนสิ่งที่ทนได้ยาก  (ต่อคำหยาบคายหรือความพลั้งเผลอของเพื่อน)

4.  บอกความลับของตนแก่เพื่อน

5.  ปิดบังความลับของเพื่อนมิให้แพร่งพราย

6.  เมื่อเพื่อนประสบความวิบัติหรืออันตรายไม่ละทิ้ง

7.  เมื่อเพื่อนสิ้นโภคทรัพย์ไม่ดูหมิ่น

  1. ผู้ปฏิบัติผิดในบุคคล 4 จำพวก จัดเป็นคนพาล   (พระสูตร  อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต เล่มที่  21 ) 

                   1.  ปฏิบัติผิดในมารดา  เช่น  (มิตตวินทุกะกุมาร)

2.  ปฏิบัติผิดในบิดา  เช่น  (พระเจ้าอชาตศัตรู)

3.  ปฏิบัติผิดในพระพุทธเจ้า เช่น  (พระเทวทัต พระเจ้าสุปปพุทธะ นางจิญจมาณวิกา)

4.  ปฏิบัติผิดในพระสาวกสาวิกาของพระพุทธเจ้า  เช่น (พระโกกาลิกะ  นันทมาณพ)

ลักษณะการจัดหมวดหมู่ของพระไตรปิฎก

                พระไตรปิฎก  แบ่งออกเป็น  ๓  หมวด  ได้แก่  วินัยปิฎก  สุตตันตปิฎก  และอภิธัมมปิฎก  ตามลำดับ

๑.  วินัยปิฎก

                พระวินัยปิฎก  ว่าด้วยศีลและเรียบการปฏิบัติของภิกษุและนางภิกษุณี  บรรจุอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่  ๑ –  ๘  จัดเป็นหมวดโดยย่อได้ดังนี้.-

            ๑.  มหาวิภังค์ หรือ ภิกขุวิภังค์  ว่าด้วยสิกขาบทหรือศีลของพระภิกษุ จำนวน  ๒๒๗ สิกขาบท

            ๒.  ภิกขุนีวิภังค์  ว่าด้วยสิกขาบทหรือศีลของนางภิกษุณี  จำนวน  ๓๑๑  สิกขาบท

            ๓.  มหาวรรค  ว่าด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่ตรัสรู้ ประกาศพระศาสนา ประทานอุปสมบทแก่ภิกษุ และเรื่องราวต่าง ๆ  เกี่ยวกับข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ เช่น การจำพรรษา การใช้จีวร เครื่องหนัง เภสัช (ยา) อาบัติ (โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดศีลแต่ละข้อ)

            ๔.  จุลวรรค  ว่าด้วยการบัญญัติวินัยข้อปลีกย่อย เช่น การที่อยู่อาศัย ข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ และประวัติการทำสังคายนา ฯลฯ

            ๕.  ปริวาร   ว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับสิกขาบทของภิกษุและภิกษุณี

๒.   สุตตันตปิฎก 

สุตตันตปิฎก เรียกสั้นๆ ว่าพระสูตร  เป็นประมวลเทศนาของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงแก่บุคคลต่างๆ  ในโอกาสต่างๆ แบ่งเป็น ๕ นิกาย (หมู่หรือหมวด)  ดังนี้.-

            ๑.  ทีฆนิกาย   แปลว่า หมวดยาว  หมายถึงหมวดที่รวบรวมพระสูตรขนาดยาวไว้ โดยไม่ปนกับพระสูตรประเภทอื่นมีทั้งสิ้น ๓๔  สูตร

            ๒.  มัชฌิมนิกาย  แปลว่า  หมวดปานกลาง  หมายถึงหมวดที่รวบรวมพระสูตรขนาดกลางไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไปไว้มีทั้งสิ้น  ๑๕๒  สูตร

            ๓.  สังยุตตนิกาย  แปลว่า  หมวดประมวล  หมายถึงหมวดประมวลพระสูตรที่มีเนื้อหาเดียวกันเข้าด้วยกันเป็นหมวดหมู่ มีทั้งสิ้น ๗,๗๖๒ สูตร

            ๔.  อังคุตตรนิกาย  แปลว่า  หมวดยิ่งด้วยองค์  หมายถึงหมวดที่จัดพระสูตรที่มีข้อธรรมะแล้วจัดลำดับไว้เป็นหมวด ๆ  ตามลำดับจากหมวดน้อยไปหามาก มีทั้งสิ้น  ๙,๕๕๗ สูตร

            ๕.  ขุททกนิกาย  แปลว่า  หมวดเล็กน้อย  หมายถึงพระสูตรที่รวบรวมข้อธรรมที่ไม่จัดเข้าใน ๔ หมวดข้างต้นมารวมไว้ในหมวดนี้ทั้งหมด   แบ่งโดยหัวข้อใหญ่มี  ๑๕  เรื่อง 

๓.   อภิธรรมปิฎก

             อภิธรรมปิฎก  แปลว่า คัมภีร์ที่รวบรวมธรรมอันยิ่ง เป็นปิฎกที่รวบรวมเฉพาะเนื้อธรรมล้วนๆ แท้ๆ ไม่เกี่ยวกับข้องกับบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น  แบ่งออกเป็น ๗ คัมภีร์  ดังนี้.-

            ๑.  สังคณี   คัมภีร์ว่าด้วยรวบรวมหมู่ธรรมะ

            ๒.  วิภังค์   คัมภีร์ว่าด้วยการแยกอธิบายหลักธรรมออกเป็นข้อๆ โดยแยกแยะรายละเอียดอย่างชัดเจน

            ๓.  ธาตุกถา  คัมภีร์ว่าด้วยการสงเคราะห์ โดยการนำเอาข้อธรรมต่างๆ มาจัดเข้าในหัวข้อธรรมใหญ่ตามลักษณะ

            ๔.  ปุคคลบัญญัติ   คัมภีร์ว่าด้วยการบัญญัติความหมายของชื่อที่ใช้เรียกบุคคลประเภทต่างๆ ตามคุณธรรมที่มีอยู่ในบุคคล

            ๕.  กถาวัตถุ  คัมภีร์ว่าด้วยการสนทนาโดยการถกพูดจาเกี่ยวกับหลักธรรมทรงพระพุทธศาสนา

            ๖.  ยมก คัมภีร์ว่าด้วยการอธิบายธรรมะด้วยวิธีการถามตอบ โดยการตั้งคำถามขึ้นมาทีละคู่

            ๗.  ปัฎฐาน  คัมภีร์ว่าด้วยการแสดงถึงความสัมพันธ์กันของธรรมะหรือสิ่งทั้งปวงทั้งหลาย

หมายเหตุ    (รายละเอียดให้เป็นศึกษาเพิ่มเติมได้ในหนังสือพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน ของอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ  โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย และหนังสือ คำบรรยายพระไตรปิฎกของอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

 

——————–000——————–
 

 

กิจกรรมหลังเรียน  เรื่อง พระไตรปิฎก

ให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าทำใบงาน  โดยกำหนดหัวข้อให้นักเรียนไปทำ  โดยจัดทำเป็นใบงาน  1  หน้าถึง  2  หน้า

หัวข้อที่กำหนดให้

  1. ประวัติความเป็นมาของพระไตรปิฎก การจัดหมวดหมู่  รายละเอียดย่อๆ   (มีที่อ้างอิงประกอบด้วย)
  2. เรื่องน่ารู้จากพระสุตตันตปิฏก  เรื่องอะไรก็ได้ที่เห็นว่ามีประโยชน์  ๑ หน้ากระดาษขึ้นไป
  3. ชาดกในพระสูตร 1 ชาดก  

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....