มองเป็น เห็นธรรม

      ปิดความเห็น บน มองเป็น เห็นธรรม

มีวัดแห่งหนึ่งเกิดว่างเจ้าอาวาสลง   เพราะเจ้าอาวาสเก่ามรณภาพ   ชาวบ้านจึงไปนิมนต์หลวงตารูปหนึ่งมาเป็นเจ้าอาวาสดูแลวัดแทน  ถึงวันพระชาวบ้านก็ไปทำบุญรับศีลและฟังเทศน์กันตามธรรมเนียม
วันพระแรกที่หลวงตาขึ้นธรรมาสน์เทศน์   ชาวบ้านรู้ทันทีว่าท่านเทศน์ไม่เป็น  ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงนั่งฟังด้วยความเบื่อหน่าย    หลายคนถึงกลับม่อยหลับไป
วันพระที่สอง  ท่านเจ้าอาวาสใหม่ก็ขึ้นเทศน์อีก  แต่ก็ไม่ได้เรื่องในความรู้สึกของชาวบ้านตามเคย   ชาวบ้านหลับมากขึ้นกว่าเดิม     หลังจากฟังเทศน์ในวันพระที่สามจบลง  ชาวบ้านก็ทนไม่ไหว   มัคทายกได้นำชาวบ้านไปพบหลวงตาที่กุฏิแล้วร้องเรียนต่อท่าน
“หลวงตาเทศน์ไม่ได้เรื่องเลย   เทศน์ทีไรคนฟังหลับกันเป็นแถว”
หลวงตานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง   แล้วจึงพูดออกมาอย่างเรียบๆ แต่จริงจังขึงขังว่า 
“โยมไม่รู้จักของดี พวกโยมหลายคนเผชิญปัญหาชีวิต   เกิดความเครียดจนนอนไม่หลับ   ต้องเสียเงินเสียทองซื้อยานอนหลับมากิน   อาตมาเทศน์ให้ท่านทั้งหลายหลับอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทอง   ยังว่าไม่ดีอีกหรืออ…?”   
หลวงตาขึ้นเสียงสูงตอนสุดท้าย

เรื่องทำนองเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับนักเทศน์ของศาสนาอื่นเหมือนกัน   คือในวันอาทิตย์วันหนึ่ง  เมื่อพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นลง   ศาสนาจารย์ก็ไปยืนคอยส่งสาธุชนที่กำลังจะกลับบ้านตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมา
“ท่านมาเทศน์ทีไร   ดิฉันชอบมาก”   
หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยปากชมท่านสาธุคุณ   ทำเอาท่านยิ้มด้วยความพออกพอใจ   แสดงว่าท่านเทศน์ดีเขาจึงชอบใจ
“ขอบคุณมาก   คราวหน้าจะเทศน์ให้ดียิ่งขึ้น”    ท่านสาธุคุณกล่าว
“ไม่ใช่เทศน์ของท่านนะที่ดิฉันชอบ  ดิฉันชอบตรงที่ว่าท่านมาทีไร  หาที่นั่งในโบสถ์ได้ง่ายขึ้นต่างหาก”   
ปรากฏว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของท่านศาสนาจารย์หายไปเป็นปลิดทิ้ง

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....