เฉลยข้อสอบ ม.4 พระพุทธศาสนา กลางภาคที่ 2

      ปิดความเห็น บน เฉลยข้อสอบ ม.4 พระพุทธศาสนา กลางภาคที่ 2

คำชี้แจง             ข้อสอบมี  ๓  ตอน  ประกอบด้วย.-

ตอนที่  ๑    เป็นคำถามแบบเติมข้อความสั้น ๆ และอธิบายให้เข้าใจ     รวม  ๒๐  คะแนน

ตอนที่  ๒   เป็นคำถามแบบให้แสดงแนวความคิดเห็นของนักเรียน  รวม  ๒๐  คะแนน

ตอนที่  ๓     เป็นคำถามแบบเลือกตอบ  ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว    รวม  ๒๐  คะแนน

 

ตอนที่  ๑     จงตอบคำถามด้วยคำหรือข้อความสั้น ๆ  โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษคำตอบ   รวม  ๒๐  คะแนน

๑.  การเผยแผ่พระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ วิธี คือ )ทรงเผยแผ่ด้วยพระองค์เอง  ๒) ทรงส่งสาวกผู้มีความสามารถไปเผยแผ่

๒. ข้อปฏิบัติที่เป็นทางสายกลาง ของพระพุทธศาสนา  เรียกว่า  มัชฌิมาปฏิปทา

๓.  การพูดคำสุภาพ เรียบร้อยและเป็นจริง ตรงกับอริยมรรคว่า  สัมมาวาจา

๔.  สัมมากัมมันตะ แปลว่า         การกระทำชอบ     คือ มีการกระทำชอบหรือกายสุจริต

๕.  สัมมาวายามะ แปลว่า     ความเพียรชอบ    คือ เพียรระวังไม่ให้กิเลสเกิดขึ้น และเพียรทำความดี

๖.  อริยมรรค สรุปให้สั้น มี ๓ องค์ประกอบ ได้แก่  ศีล  สมาธิ  ปัญญา

๗.  ศีล สมาธิ ปัญญา รวมกันเรียกว่า  ไตรสิกขา

๙.  ไตรสิกขา แปลว่า  หลักการศึกษา  ๓  ประการ

๑๐.  ลักษณะของการปฏิบัติตามทางสายกลาง คือ ปฏิบัติไม่ย่อหย่อนหรือตึงเครียดเกินไป

๑๑.  วิธีปฏิบัติขั้นสูงเมื่อประสบโลกธรรม คือ  อุเบกขาธรรม

๑๒.  การบำเพ็ญเพียรทางจิต  เจ้าชายสิทธัตถะทรงใช้วิธีใด  ใช้อานาปานสติ คือการกำหนดลมหายใจเข้าออก

๑๓.  ผู้ถวายข้าวมธุปายาสก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ คือ  นางสุชาดา

๑๔.  ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ที่ตรัสสั่งเหล่าสาวกในวินาทีสุดท้าย คือ  จงทำกิจของตน และกิจของผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เถิด

๑๕. ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา หมายถึง ผู้ใดได้ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจถ่องแท้ก็เท่ากับเห็นพระพุทธองค์แล้ว

๑๖. ผู้ฟังธรรมจากพระอัสสชิแล้วมาเฝ้าพระพุทธเจ้าขอบวชเป็นพระภิกษุ ต่อมาได้เป็นอัครสาวกซ้ายขวา หมายถึง

    ๑) พระสารีบุตร           ๒) พระมหาโมคคัลลานะ

๑๗. หมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้รับยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในด้านใด  เป็นที่รักของปวงชน

๑๘. ในวงการแพทย์แผนโบราณปัจจุบันนี้ ถือว่าหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็น บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ

๑๙.  นิครนถ์นาฏบุตร เป็นที่รู้จักกันในอีกนามหนึ่งว่า  พระมหาวีระ    ซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาเชน

๒๐.  ศาสนาเชนเป็นศาสนาประเภทเทวนิยมหรืออเทวนิยม   อเทวนิยม

 

 ตอนที่  ๒  จงตอบคำถามต่อไปนี้ ตามความคิดเห็นของนักเรียนเอง    ( ๒๐  คะแนน)

๑.  น้อยหน่า เกิดความหิวได้ไปซื้อขนมปังมาเก้าชิ้น เธอนั่งกินจนถึงชิ้นที่เจ็ดก็อิ่ม เธอจึงคิดว่าถ้ารู้อย่างนี้ ซื้อขนมปังเฉพาะชิ้นที่เจ็ดชิ้นเดียวมากินก็อิ่มแล้ว ไม่ต้องซื้อถึงเก้าชิ้น  เรื่องนี้ต้องการสอนให้เรารู้อะไร จงอภิปราย

           จากเรื่องของน้อยหน่า ต้องการสอนให้เราคิดอะไรให้เป็นขั้นเป็นตอน อย่าคิดข้ามขั้น  เพราะการที่น้อยหน่าคิดว่ากินชิ้นที่ ๗ ชิ้นเดียว ก็อิ่ม  น้อยหน่าคิดข้ามขั้นโดยคิดรวมยอดซึ่งลืมนึกไปว่าได้ผ่านการกินมากี่ชิ้นแล้ว ก่อนมาถึงชิ้นที่เจ็ด  เมื่อเรามองดูให้ละเอียดแล้วจะเห็นว่าการกระทำในปัจจุบัน ย่อมส่งผลถึงอนาคตได้  การกระทำดีในปัจจุบันก็ย่อมส่งผลดีในอนาคต  ฉะนั้น เราจงคิดดี  ทำดี  ในปัจจุบันแล้วอนาคตก็จะดีเอง

๒.  นักเรียนคิดว่า  อริยมรรค ๘  ข้อใดเหมาะที่จะนำมาเป็นหลักใช้ในการศึกษามากที่สุด  จงให้เหตุผลประกอบ

            อริยมรรค ๘ ทุกข้อเหมาะแก่การนำมาเป็นหลักใช้ในการศึกษาได้ทุกข้ออยู่ที่จะศึกษาข้อไหน อริยมรรค ๘ นั้นสรุปลงในไตรสิกขา ๓ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา  อันเป็นหลักการศึกษาทางพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหลักธรรมที่เชื่อมถึงกันได้หมด  เมื่อศึกษาถึงที่สุดแล้วอริยมรรค ๘ ก็เป็นทางสายเดียวคือเอกายนมรรค ทางแห่งความพ้นทุกข์คือพระนิพพานนั่นเอง 

๓.  ความเห็นว่า บุญบาปไม่มีจริง  สิ่งที่ทำลงไปไม่ว่าดีหรือชั่วไม่มีผลอะไรตอบสนอง  ทำแล้วก็แล้วไป สมมติว่าคน 

      ทั้งโลกมีความเห็นเช่นนี้จะเกิดอะไรขึ้น ดีหรือไม่ดี  จงอภิปราย

            ถ้าคนทั้งโลกเห็นว่า บุญบาปไม่มีจริง ทำแล้วก็แล้วไป  ไม่มีผลตอบสนอง  พระพุทธศาสนาถือว่านั่นเป็นความคิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคือความเห็นผิด ตัวอย่างเช่น ลูกที่พ่อแม่เลี้ยงมาจนเติบใหญ่มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินทองร่ำรวย  แต่ไม่เลี้ยงตอบแทนท่านเลย  เพราะคิดว่าพ่อแม่ก็สักแต่ว่าเป็นผู้ให้เกิดเท่านั้น และท่านก็ต้องเลี้ยงเราตามหน้าที่เท่านั้น  บุญไม่มี บาปไม่มี  ไม่มีอะไรมาตอบสนอง ความคิดเช่นนี้ ย่อมไม่ถูกต้อง สังคมย่อมอยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน  เพราะคนจะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น   พระพุทธศาสนาจึงต้องการชี้ให้เห็นว่า นี้เป็นความเห็นผิด นี้ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง 

๔.  นักเรียนคิดว่า การที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาถึง ๓ วาระ มีประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

     ในเวลาต่อมาหรือไม่  จงอธิบาย 

            มีประโยชน์อย่างมากต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา   เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธาในตัวพระพุทธเจ้ามากขึ้น   เพราะในสมัยนั้น เชื่อกันว่าหากใครได้บำเพ็ญตบะ  จะสามารถพ้นทุกข์ได้ ละกิเลสได้  แต่เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทดลองพิสูจน์แล้วผลปรากฏว่าไม่เป็นจริง และเกิดพระปัญญาว่าสิ่งที่ทำนั้นตึงเกินไป จึงทรงใช้ทางสายกลางจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และข้อที่พระปัญจวัคคีย์อยู่ปฏิบัติรับใช้เจ้าชายสิทธัตถะด้วยก็เป็นการยืนยันในข้อนี้  เพราะท่านเป็นพราหมณ์มาก่อนและรู้ในความเชื่อนี้ด้วย เหตุนี้แหละพระพุทธศาสนาจึงได้เจริญอย่างรวดเร็วในสมัยนั้น

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....