ปัญหา สารัตถะแห่งพระสุตตันตปิฎก

      ปิดความเห็น บน ปัญหา สารัตถะแห่งพระสุตตันตปิฎก

ปัญหาวิชาสารัตถะแห่งพระสุตตันตปิฎก

๑)  โลกมนุษย์ที่จัดไว้ตามประเภทของผลแห่งกรรมไว้อย่างไรบ้าง?

ตอบ     มนุษย์  จัดเป็น  ๔  ประเภท  คือ 

๑.  มนุษย์นรกได้แก่  นักโทษผู้ถูกจองจำหมดอิสรภาพ  ทนทุกข์ทรมานอันเนื่องมาจากอกุศลในทางโทสะมาก

๒.  มนุษย์เปรต  คือ  มนุษย์ที่มีความเป็นอยู่อย่างลำบากยากแค้นยากจนและมากไปด้วยความทุกข์   

๓.  มนุษย์เดรัจฉาน  เป็นมนุษย์ที่ต้องอาศัยผู้อื่น  มีความเป็นอยู่คล้ายสัตว์  สุดแท้แต่ใครเขาจะให้ทำอะไรเป็นทาสเขาตลอดชีวิต  อันเนื่องมาจากอกุศลกรรมทางโมหะมาก         

๔.  มนุษย์ภูติ  เป็นมนุษย์ที่รู้จักบาปบุญคุณโทษ  มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์  มีคุณธรรมประจำใจ  พยายามบำเพ็ญกุศลบารมีอยู่เสมอ  

๒)  โลกสวรรค์ชั้นกามาวจร  แบ่งออกได้เป็นกี่ภูมิ  ได้แก่อะไรบ้าง?  

ตอบ    โลกสวรรค์ชั้นกามาวจร  แบ่งออกเป็น  ๖  ภูมิ  คือ 

๑.  จาตุมมหาราชิกาภูมิ  คือที่อยู่ของเทวดาอันมีท้าวมหาราช  4  พระองค์  คือ  ธตรฐมหาราช  วิรุฬหกมหาราช  วิรูปักษ์มหาราช  และเวสสุวรรณมหาราช   

๒.    ตาวติงสาภูมิ  ที่อยู่ของเทวดาที่เป็นใหญ่  33  องค์  มีท้าวสักกเทวราชเป็นประธาน  มีนามว่า  สมเด็จพระอมรินทราธิราช

๓.    ยามาภูมิ  เป็นที่อยู่ ของ เทวดา  ตนหนึ่งปราศจากความ ลำบาก ถึงซึ่ง ความสุขอันเป็น ทิพย์มีพระสยามเทวดาธิราชเป็น ใหญ่

๔.    ตุสิตาภูมิ  เป็น ที่อยู่ของ เทวดา  ที่มี ความ สุขยินดีละความชุ่มชื่นเป็นนิจ

๕.    นิมมานรติภูมิ  เป็นที่อยู่ ของเทวดาที่มี ความ ยินดีเพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ที่เนรมิต ขึ้นตามความพอใจ  ของตน มีท้าวนิมมิตาเทวราชเป็นใหญ่

๖.    ปรินิมมิตสวัตตีภูมิ  เป็นที่อยู่ของ เทวดาจำพวก หนึ่งที่มีทิพย์สมบัติเกิดจาก การเนรมิตขึ้นมาด้วยใจ  ในชั้นนี้มีทั้ง เทวดาและมาร  ฝ่ายเทวดา มีท้าวปรินิมมิตเทวราช   เป็นผู้ปก ครองและเป็นใหญ่  ฝ่ายมาร  มีปรนิมมิตวัตตีมาร   เป็นผู้ปกครองหมู่มารทั้งหลาย

๓)  โลกสวรรค์ชั้นรูปาวจร  มีกี่ภูมิได้แก่ภูมิอะไรบ้าง?        

ตอบ    โลกสวรรค์ชันรูปาวจรมี  16  ภูมิ  ไดแก่

๑.  พรหมปริสัชชาภูมิ                  ๒.  พรหมปุโรหิตตาภูมิ   ๓.  มหาพรหมมาภูฟมิ  

๔.  ปริตตาภูมิ                           ๕.  อัปปมาณาภาภูมิ                  ๖.  อาภัสสราภูมิ  

๗.  ปริตตสุภาภูมิ                       ๘.  อัปปมาณาสุภาภูมิ                ๙.  สุภกิณนาภูมิ

๑๐. เวหัปผลาภูมิ                       ๑๑.อสัญญาสัตตาภูมิ                 ๑๒.อวิหาสุทธาวาสภูมิ  

๑๓. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ            ๑๔.สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ             ๑๕.สุทัสสีสุทธาสวาสภูมิ  

๑๖. อกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ 

๔)  โลกชั้นอรูปาวจร  ท่านแบ่งออกไว้อย่างไรบ้าง? 

ตอบ    โลกชั้นอรูปาวจร  คือโลกของพรหมที่ไม่มีรูป  มี  4  ภูมิ  ได้แก่ 

๑.   อากาสานัญจายตนภูมิ  เป็นที่อยู่ของพรหมจำพวกหนึ่ง  ซึ่งมีแต่นามคือ  จิตและเจตสิกเท่านั้น  เกิดจากการบำเพ็ญฌานทีมีอากาศบัญญัติ  เป็นอารมณ์ 

๒.  วิญญาณัญจายตภูมิ  เป็นที่อยู่ของพรหมไม่มีรูป  เกิดจากฌานที่อาศัยวิญญาณบัญญัติ  

๓.   อากิญจัญญายตนเป็นอย่างยิ่ง  คือ  มีปัญญาอย่างละเอียดประณีต  ซึ่งเกิดจากฌานที่อาศัยอารม   “   นัตถิ  กิญจิ   ”

๔.  เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ  เป็นพรหมโลกสูงสุด  เป็นที่อยู่ของอรูปพรหมผู้วิเศษซึ่งเกิดจากฌานที่อาศัยความประณีต

๕)   สัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสารวัฏมีกี่ภูมิ  ได้แก่ภูอะไรบ้าง? 

ตอบ    มี   3   ภูมิ   คือ 

๑.  เหฎฐิมสงสาร   การท่องเที่ยวไปในโลกเบื้องต่ำ

๒.  มัชฌิมสงสาร   การท่องเที่ยวอยู่ในโลกเบื้องกลาง  ได้แก่โลกมนุษย์  และโลกสวรรค์

๓.  อุปริสงสาร   การท่องเที่ยวอยู่ในโลกเบื้องสูง  ได้แก่  รูปพรหมและอรูปพรหม 

๖)   อบายภูมิ  ๔  สุคติภูมิ ๗  และพรหมภูมิ ๒๐   ได้แก่สัตว์จำพวกไหนบ้าง?

ตอบ      อบายภูมิ  4       คือ  สัตว์ทั้งหลายในภูมิเบื้องต่ำ มี   โลกของสัตว์เดรัจฉาน

สุคติภูมิ   7         คือ  มนุษย์ภูมิ  1  และเทวภูมิ  6 

พรหมภูมิ  20     คือ  รูปาวจรภูมิ  16   อรูปาวจรภูมิ  4   รวมเรียกพรหม 

๗)   โลกนรกท่านแบ่งได้กี่โลกด้วย  ทำกรรมอะไรบ้าง  จึงไปเกิดในโลกนั้นๆ? 

ตอบ    โลกนรกแบ่งเป็น   4   โลกด้วยกัน  คือ 

๑.  โลกนรก  ได้แก่สัตว์ที่ตายไปแล้ว  เสวยแต่กรรมชั่วของตนฝ่ายเดียว  ไม่มีความสุข  ทุกข์ทรมานด้วยความร้อน  อันเกิดแต่โทสะ  ในขณะที่เป็นมนุษย์ 

๒.  โลกเปรต  เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ผู้ตายไปแล้ว  เสวยแต่ความทุกข์  ไม่มีที่อยู่โดยจำเพราะ  ทรมานด้วยการอดอาหาร  ด้วยกรรมประกอบด้วยโลภะ  ในเมื่อมีชีวิตอยู่

๓.  โลกอสุรกาย  เป็นโลกที่ไม่มีความสนุกสนาน  มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวเป็นผู้ประกอบกรรมอันเนื่องมาจากโลภะ  เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ 

๔.   โลกเดรัจฉาน  คือ  ที่อยู่อาศัยของสัตว์ชั้นต่ำทั่วไป  แบ่งออกเป็น   4   อย่าง  คือ  

๔.๑  อปาติรัจฉาน  เป็นสัตว์ประเภทไม่มีเท้าไม่มีขา  เช่น    งู     ไส้เดือน 

๔.๒ ทวิปทติรัจฉาน  ได้แก่สัตว์ประเภทมีสองขา   เช่น    นก   ไก่   เป็ด  

๔.๓  จตุปปทติรัจฉาน  ได้แก่สัตว์  4  ขา  เช่น  ช้าง  ม้า  วัว  ควาย  กระต่าย  สุนัข  แมว  เป็นต้น 

๔.๔  พหุปปทติรัจฉาน  ได้แก่ประเภทมีมากกว่า  4  ขา  เช่น  ตะขาบ  ตะเข็บ  กิ้งกือ  เป็นต้น 

ในโลกสัตว์เดรัจฉาน  มีความเป็นอยู่ดังสัตว์ปัจจุบันที่ได้เห็นกันอยู่  สัตว์เดรัจฉานเหล่านี้เกิดจากอำนาจกรรม   เมื่อเป็นมนุษย์มีโมหะอันแรงกล้า 

๘)     บุคคลที่ปรากฎอยู่ในโลกนี้มีกี่จำพวกได้แก่พวกไหนบ้าง? 

ตอบ    บุคคลที่ปรากฎอยู่ในโลกนี้มี   ๔   จำพวก  คือ 

๑.  บุคคลผู้ที่มืดมาแล้วมืดไป                            ๒. บุคคลผู้มืดมาแล้วสว่างไป 

๓.  บุคคลผู้สว่างมาแล้วมืดไป               ๔.  บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไป 

๙)    มนุษย์เกิดมาไม่เหมือนกันเพราะเหตุใด  ในจุฬกรรมวิภังคสูตร  ท่านจัดมนุษย์ไว้กี่ประเภทอย่างไรบ้าง?

ตอบ    เพราะกรรมจำแนกมนุษย์ที่เกิดมาไม่เหมือนกัน  จัดมนุษย์ไว้  14  จำพวก  คือ 

๑.   มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีอายุยืน                      ๘.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีศักดิ์ใหญ่               

๒.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีอายุสั้น                      ๙.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีโภคะน้อย

๓.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีโรคมาก                      ๑๐. มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีโภคะมาก 

๔.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีโรคน้อย                   ๑๑. มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่าเกิดในตระกูลต่ำ

๕.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีผิวพรรณทราม         ๑๒. มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่าเกิดในตระกูลสูง    

๖.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีผิวพรรณงาม            ๑๓. มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีปัญญาทราม 

๗.  มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีศักดาน้อย                 ๑๔. มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏว่ามีปัญญามาก 

๑๐)    ปฎิปทาให้เกิดเป็นมนุษย์คืออะไร  ได้แก่  อะไรบ้าง?

 ตอบ     ปฎิปทาให้เกิดเป็นมนุษย์  คือ  มนุษย์ธรรม  ธรรมของมนุษย์  ได้แก่  เบญจศิลปัญจสิกขาบท  คือ

            ๑.   ปาณาติปาตา   เวรมณี   เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์

            ๒.   อทินนาทานา   เวรมณี   เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการลักทรัพย์  

            ๓.   กาเมสุมิจฉาจารา   เวรมณี   เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

            ๔.   มุสาวาทา   เวรมณี   เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จ

๕.   สุราเมรยมชชปมาทฏฐานา   เวรมณี   เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา  คือ  สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท 

๑๑)    คำว่ามรณาสันนวิถีและคตินิมิตตารมณ์  หมายความว่าอย่างไร?

ตอบ    มรณาสันนวิถี   หมายถึง   วิถีจิตที่ใกล้จะตาย 

คตินิมิตอารมณ์   ได้แก่   เหตุการเป็นเครื่องบอกล่วงหน้า  ให้รู้ว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก 

๑๒)    คำว่าวิมานหมายถึงอย่างไร   วิมานวัตถุในขุททกนิกายท่านแบ่งไว้อย่างไรบ้าง?

ตอบ    วิมาน  หมายถึง  ที่อยู่ของเทพบุตร- เทพธิดา  ในขุททกนิกายแบ่งออกเป็น   7   วรรค  นับเป็นวิมานได้   85   วิมาน  นับเป็นเรื่องที่มาในวิมานเดียวกันได้  123  เรื่อง  ประกอบด้วยคาถา  1,500  คาถาและยังมีเรื่องวิมานในที่อื่นอีก  10  เรื่อง  รวมเรื่องที่ว่าด้วยวิมานมี   133   เรื่อง

๑๓)    มูลเหตุสำคัญที่จะนำให้ไปบังเกิดในวิมานบนสรวงสวรรค์ว่าโดยย่อท่านกล่าวไว้อย่างไรบ้าง?

ตอบ    มูลเหตุสำคัญที่จะนำให้ไปบังเกิดในวิมานบนสรวงสวรรค์  คือ 

๑.   การบริจาคทานด้วยจิตใจเลื่อมใส  มีความเคารพในทานและผู้รับ

๒.  การรักษาศิล  สำนึกถึงคุณค่าของศิล  ว่าเป็นความดี

๓.   การประพฤติธรรม   มีศรัทธา   หิริ   ความซื่อตรง

๔.   อปจายมัย   คือ  การประพฤติอ่อนน้อมต่อวัตถุ  บุคคล

๕.  เวยยาวัจมัย   การช่วยเหลือขวนขวายในกิจการงานที่ชอบธรรม

๖.   ปัตติทานมัย   การให้ส่วนบุญที่ตนกระทำแล้วแก่คนอื่น

๗.  ปัตตานุโมทนามัย   การพลอยแสดงความชื่นชมยินดีในการทำความดีของคนอื่น

๘.  ธัมมเทสนามัย   การแสดงธรรมหมายถึง การแนะนำชักชวนให้คนรู้จักผิดชอบชั่วดี

๙.  ธัมมสวนมัย  การฟังธรรมด้วยการเคารพ

๑๐. สัมมาทิฏฐิ  มีปัญญาเห็นชอบ คือ ปัญญาอันเห็นชอบในการที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน                            

๑๔)  จาตุมหาราชิกาเทวภูมิมีเทวราช ผู้ยิ่งใหญ่ ๔ องค์ มีนามว่าอย่างไร ?

ตอบ  มี ๔ องค์คือ

                    ๑.   ท้าวธตรฐมหาราช                           ๒.   ท้าววิรุฬหกมหาราช

                    ๓.   ท้าววิรูปักษ์มหาราช                     ๔.    ท้าวเวสสุวัณมหาราช

๑๕)  สัตว์ทั้งในสังสารวัฏ  ทำกรรมอะไรไว้จึงได้มาเกิดเป็นนาคราช ท่านแสดงไว้อย่างไรบ้าง ?

ตอบ  สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงมีพระมหากรุณาตรัสว่า  บุคคลบ้างคนในโลกนี้ เขาได้ยินได้ฟังมาว่า  พวกนาคมีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงชอบใจแล้วทำความดีด้วยไตรทวารแล้วมีความปรารถนาว่า  โอหนอ เมื่อเราตายไปจากโลกนี้แล้ว เขาให้เราได้ไปบังเกิดเป็นนาค

๑๖.  การที่จะมีโอกาสไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาชิกาได้นั้น จะต้องประกอบกุศลกรรมความดีชนิดใดตามี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรต่างๆ ซึ่งพอจะประมวลไว้ให้ผู้เป็นชาวพุทธทั้งหลายได้รับทราบไว้อย่างไรบ้าง      ?

ตอบ  การที่จักได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิการ จะต้องประกอบกุศลกรรมความดีอันเป็นบุญเป็นกุศล  ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ทานสูตรว่า 

๑.  ทานสูตร  ทานที่บุคคลบางตนในโลกนี้ให้แล้ว เป็นทานมีผลมากแต่ไม่มีอานิสงส์มากก็มีและทานที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว เป็นทานมีผลมากมีอานิสงส์มากก็มี  ในการให้ทานนั้น  บุคคลสมหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า  เราตายไปแล้ว จักได้เสวยผลแล่งทานนี้  เขาผู้นั้นไห้ทานแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช

๒.  บุญกิริยาวัตถุ  บุญกิริยาวัตถุ 3 ประการคือ บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน 1  บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล  1  บุญกิริยาวัตถุสำเร็จภาวนา 1

๓.  สังคีติสูตร  บุคคลบางคนในโลกนี้  ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้าผ่อน ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไปเขาได้ยินมาว่า  พวกเทพเจ้าเหล่าจาตุมหาราชิกามีอายุยืน  มีวรรณะงาม  มากไปด้วยความสุข  ดังนี้แล้ว  เขาจึงรำพึงอย่างนี้ว่า  โอหนอ  เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เราพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทพเจ้าเหล่าจาตุมหาราชิกา

 

๑๗)  ทางดำเนินไปสู่กำเนิดของสัตว์ดิรัจฉานหลังจากที่ตายจากมนุษย์โลกนี้แล้วไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้นท่านพรรณนาไว้อย่างไรบ้าง ?

ตอบ ทางดำเนินไปสู่กำเนิดของสัตว์ดิรัจฉานหลังจากที่ตายไปแล้วคือ  ความประพฤติชั่วช้าลามก และการกระทำอันเป็นบาปหยาบช้าซึ่งรวมเรียกว่า  อกุศลกรรม

๑๘)  เปรตแปลว่าอย่างไร  เปรตกับอสุรกายต่างกันอย่างไร ?

ตอบ  เปรตแปลว่า  ผู้ละไปแล้ว  เปรตกับอสุรกายต่างกันดังนี้  เปรต = เปรตทั้งหลาย มีความอดอยากเป็นลักษณะเครื่องทรมาน  อสุรกาย =  อสุรกายทั้งหลายมีความกระหายเป็นลักษณะเครื่องทรมาน สัตว์ในภูมิทั้ง 2 นี้ต้องประสบกับความลำบากในการครองชีวิตอย่างแสนสาหัสเพราะเขาเป็นสัตว์ในอบายภูมิ  ภูมิที่มีแต่ความฉิบหาย  ไม่มีความสุข

๑๙)  บาปกรรมที่นำให้ไปเกิดเป็นเปรตนั้นท่านกล่าวให้อย่างไรบ้าง ?

ตอบ  อกุศลกรรมบถ ๑๐

ก.  กายกรรม ทำบาปทางกายมี  ๓  อย่าง

๑.  ฆ่าสัตว์        ๒.  ลักทรัพย์      ๓.  ประพฤติผิดในกาม

ข.วจีกรรม  ทำบาปทางปาก มี 4 คือ

๑.พูดเท็จ           ๒.พูดส่อเสียด    ๓.พูดคำหยาบ    ๔.พูดเพ้อเจ้อ

ค.มโนกรรม ทำบาปทางใจ มี 3  คือ

๑.โลภอยากได้ของเขา     ๒.พยาบาทปองร้ายเขา    ๓.มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....