นักแข่งต้องพิถีพิถันในการเลือกรถ นักกีฬาต้องใส่ใจเลือกซอคเกอร์ จ็อกกี้ยังต้องคัดเลือกม้าคู่ใจ เพราะทุกอาชีพ ทุกความถนัด ล้วนย่อมต้องมีผู้ช่วยตัวฉกาจให้งานนั้น ๆ มีผลงานที่ดี สำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ และอีกหนึ่งคำถามปวดตับตลับเมตรของผู้เริ่มต้นทำร้านกาแฟก็คือ เราจะมีวิธีเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสม เหมาะกำลัง และ เหมาะกับใจเราได้อย่างไร
บางคนอาจให้ความสำคัญกับแบรนด์ยอดนิยม หรือไม่ก็ รุ่นยอดฮิต เพราะเห็นว่าใครเขาก็ใช้กัน และก็มีหลายคนที่คิดว่าเพิ่งเริ่มทำร้าน เลือกเป็นแบบที่ใช้กันในบ้านไปก่อนก็น่าจะได้ แต่รู้มั๊ยคะว่า เครื่องชงกาแฟแบบโฮมยูส นั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้ใช้ชงที่บ้าน ตัวเครื่องจึงไม่ได้รับการออกแบบสำหรับการใช้งานตลอดเวลา ตลอดวัน ค่ะ หากคุณต้องการควบคุมงบ ก็อาจจะเลือกพิจารณาเครื่องชงของ Rancilio รุ่น Silvia หรือ GAGGIA รุ่น TEBE หรือ รุ่น Coffee Deluxe เพราะตัวเครื่องถูกออกแบบมาพร้อมวาวล์สามทาง ทำหน้าที่ช่วยคลายแรงดัน ดังนั้นหากคุณใช้งานนานๆ เข้า เครื่องก็จะไม่เสื่อมสภาพไวจนเกินไป เครื่องกลุ่มนี้มีระบบ Thermo block คอยควบคุมการทำงานของฮีตเตอร์ที่ติดตั้งมาจากโรงงานอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องใส่ใจเพิ่มขึ้นก็คือ ถ้าเราใช้เครื่องขนาดเล็ก เราไม่จำเป็นต้องฟลัชน้ำก่อนชงเพราะอุณหภูมิอาจลดลง ในทางตรงกันข้าม เราควรฟลัชน้ำภายหลังจากที่ชงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการทำความสะอาดหัวกรุ๊ฟ ถ้าเราละเลยปล่อยให้ความร้อนลดลง ไม่คงที่ การกลั่นกาแฟก็จะไม่ค่อยเวิร์คค่ะ เพราะเมื่ออุณหภูมิไม่ถึงกากกาแฟก็จะแฉะได้ค่ะ อาวุธสำคัญตัวต่อไปก็คือก้านอัด หรือ Portafilter ค่ะ เพราะถ้าจะชงกาแฟขายให้ได้รสเข้มข้นกลมกล่อมแล้วหล่ะก็ “ก้านอัน” เปรียบเหมือน หมัดเด็ดของนักชกเหรียญทองโอลิมปิกเลยหล่ะค่ะ ทีนี้ เวลาเราเลือกเครื่องชงกาแฟให้ดูด้วยว่าก้านอัดมีขนาด 56 – 58 มม. และวัสดุนั้นต้องทำมาจากทองเหลืองชุบโครเมี่ยมเท่านั้น เพราะจะได้มาตรฐานมากกว่า พอเวลาที่เราใส่ผงกาแฟลงไปก็จะได้น้ำหนักประมาณ 14 – 18 กรัมต่อการกลั่นกาแฟ 2 shot อีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ดีไซน์ ความทนทาน และเรื่องการบำรุงดูแลรักษาเครื่อง ว่าทางผู้จัดจำหน่ายมีบริการอะไรให้เราบ้าง สมมุติอย่างตัวซีลยาง นี่ก็สำคัญนะคะ เพราะเราต้องเปลี่ยนซีลยางอย่างน้อยทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน (ให้ดูตามสภาพการใช้งานควบคู่ไปด้วยนะคะ)
พอจะเลือกซื้ออาวุธคู่ใจกันแล้วใช่มั๊ย ตัดสินใจได้แล้ว ก็…จัดไปค่ะ