วิธีไหว้พระ
คำสวดมนต์ไหว้พระ (แปล)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งเป็นที่พึ่งที่นับถือของเรา ทั้งหลาย, พระองค์เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองแล้ว, ละกิเลสขาดจากสันดานกับทั้งวาสนา, เป็นผู้ไม่หลงมีความไม่หลงเป็นธรรมดา, ตรัสรู้อริยสัจ ๔ แจ้งประจักษ์โดยลำพังพระองค์เอง, ตรัสรู้ชอบไม่วิปริตสอนผู้อื่นให้ตรัสรู้ได้ด้วย, เราทั้งหลายขอนมัสการกราบไหว้พระผู้มีพระ ภาคพุทธเจ้า, อะระหังสัมมาสัมพุทโธพระองค์นั้น, มีพระสถูปและพระพุทธรูปนี้เป็นพยาน, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ, (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว, แสดงหนทาง อันดับกิเลสและกองทุกข์, ให้ผู้ปฏิบัติตามถึงความสิ้นทุกข์ได้โดยชอบ, เราทั้งหลายขอนมัสการ ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว, ธัมมัง นะมัสสามิ, (กราบ)
สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, หมู่สงฆ์สาวกที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนให้ ปฏิบัติดีแล้ว, ได้ปัญญาตรัสรู้อริยสัจ ๔ ทำกิเลสในสันดานให้สิ้นไป, ตามกำลังอริยมรรคที่ได้ เกิดขึ้นแล้วในสันดานตน, ความละกิเลสได้จริงเป็นการปฏิบัติชอบแท้, เราทั้งหลายขอนอบ น้อมหมู่สงฆ์สาวก, ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนให้ปฏิบัติดีแล้ว, สังฆัง นะมามิ, (กราบ)
—————————ยังมีต่ออีกมาก ทั้งหมด 25 หน้า———————————
คำถวายทาน
อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสีละวันตัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสีละวันโต อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ภัตตาหาร กับทั้งเครื่องบริวารทั้ง หลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุผู้เจริญ ขอพระภิกษุผู้เจริญ จงรับซึ่งภัตตาหาร กับทั้งเครื่องบริวารทั้ง หลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายสังฆทาน
อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ภัตตาหาร กับทั้งเครื่องบริวาร ทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับซึ่งภัตตาหาร กับทั้งเครื่องบริวารทั้ง หลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายมะตะกะภัตต์
อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ มะตะกะภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย มะตะกะภัตต์ กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับซึ่งมะตะกะภัตต์ กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ผู้ล่วงลับ ไปแล้วมี นาย / นาง …. เป็นต้น และแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายผ้าวัสสิกสาฏก (ผ้าอาบน้ำฝน)
อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าอาบน้ำฝน กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับซึ่งผ้าอาบน้ำฝน กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุข แก่พวกข้าพเจ้า ทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายผ้าจำนำพรรษา
อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสาวาสิกะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัสสาวาสิกะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าจำนำพรรษา กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับซึ่งผ้าจำนำพรรษา กับทั้ง เครื่องบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวก ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายผ้าป่า
อิมานิ มะยัง ภันเต ปังสุกุลละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ปังสุกุลละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าบังสุกุลจีวร กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับซึ่งผ้าบังสุกุลจีวร กับทั้งเครื่อง บริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพเจ้า ทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายผ้ากฐิน
อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระทุสสัง ปะฏิคคัณหาตุ ปะฏิคคะเหตวา, จะ อิมินา, ทุสเสนะ กะฐินัง, อัตถะระตุ, อัมหากัง, ฑีฆะรัตตัง, หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้ากฐิน กับทั้งเครื่องบริวาร ทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับซึ่งผ้ากฐิน กับทั้งเครื่องบริวารทั้ง หลายเหล่านี้ รับแล้วจงกรานกฐินด้วยผ้านี้ เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำถวายเสนาสนะ
อิมานิ มะยัง ภันเต เสนาสะนานิ อาคะตานาคะตัสสะ จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ เสนาสะนานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย เสนาสะนะ แก่พระภิกษุสงฆ์ผู้ อยู่ในทิศทั้ง ๔ ที่มาแล้วก็ดี และยังไม่มาก็ดี ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับเสนาสนะเหล่านี้ ของพวก ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญฯ
คำถวายเวจกุฎี
มะยัง ภันเต เวจจะกุฎิง อาคะตานาคะตัสสะ จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมัง เวจจะกุฎิง ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย เวจกุฎีหลังนี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่ในทิศทั้ง ๔ ที่มาแล้วก็ดี และยังไม่มาก็ดี ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับเวจกุฎีหลังนี้ ของพวก ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดสิ้นกาลนาน เทอญ ฯ
คำปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมน์
เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, (ชายว่า อุปาสะกัง, หญิงว่า อุปาสิกัง) มัง สังโฆ ธาเรตุ, อัชชะตัคเค ปานุเปตัง สะระณัง คะตัง.
คำแปล
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพพานนานแล้ว กับทั้งพระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสะระณะที่พึ่งที่นับถือ ขอพระสงฆ์จงจำข้าพเจ้าไว้ว่าเป็น (ชายว่า อุบาสก, หญิงว่า อุบาสิกา) ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
คำขอขมาพระเถระ
เถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต (๓ หน) ถ้าขอขมาต่ออาจารย์ พึงว่า อาจาริเย แทน เถเร ถ้าขอขมาคนเดียว ว่า เม แทนโน
ผู้รับขอขมากล่าวตอบดังนี้
อะหัง ขะมามิ ตุมเหหิ ปิ เม ขะมิตัพพัง
(ผู้ขอหมอบกราบลงว่า ขะมามะ ภันเต ผู้ขอขมาคนเดียว ว่า ตะยา แทน ตุมเหหิ)
คำกรวดน้ำ (อิมินา)
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา, อาจาริยูปะการา จะ มาตาปิตา จะ ญาตะกา, ปิยา มะมัง สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ, พรัหมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา, ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ, สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม, สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตัง.
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิเสนะ จะ, ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะ เฉทะนัง, เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง, นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว, อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา, มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุเม, พุทธา ทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม, นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง, เต โสตตะ มา นุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา.
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะกุศลผลบุญแห่งข้าพเจ้าได้อุทิศไปนี้ ขอจงไปค้ำชู อุดหนุน บิดา มารดา ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ พระมหากษัตริย์ ญาติสนิท มิตรสหาย สัตว์น้อย ใหญ่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้ากรุงพาลี พระนางธรณี พระนางคงคา พญามัจจุราช นายนิรยบาล นายพันธุละเสนาบดี ศิริคุตอำมาตย์ กับทั้งท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ชั้นจาตุมมหาราชิกา เบื้องบนจนถึงที่สุดมหาพรหม เบื้องต่ำตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษยโลก โดยรอบสุดขอบ จักรวาล อนันตจักรวาล ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ได้สุข ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยเดชะกุศลผลบุญแห่งข้าพเจ้าได้อุทิศไปนี้ ขอจงเป็นอุปนิสัย และเป็น ปัจจัยเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ขอจงสมดังปณิธาน ของข้าพเจ้าทั้งหลายทุกประการ เทอญ ฯ
ภิกษุไม่ควรฉันเนื้อ ๑๐ อย่าง คือ
๑. เนื้อมนุษย์ ๒. เนื้อช้าง
๓. เนื้อม้า ๔. เนื้อสุนัข
๕. เนื้องู ๖. เนื้อราชสีห์
๗. เนื้อหมี ๘. เนื้อเสือโคร่ง
๙. เนื้อเสือดาว ๑๐. เสือเหลือง
ทำกัปปิยะ
มีพระพุทธานุญาตให้บริโภคผลไม้ ด้วยสมณกัปปะกรรม ที่ควรแก่สมณะ ๕ คือ
๑. ผลจดด้วยไฟ
๒. ผลจดด้วยศัสตรา
๓. ผลจดด้วยเล็บ
๔. ผลไม้ไม่มีพืช
๕. ผลมีพืชจะพึงปล้อนเสียได้
พืช มีรากไม้เป็นต้น ซึ่งเกิดอยู่ในที่ชื่อว่า ภูตคาม เป็นวัตถุแห่งปาจิตตีย์ พืชนั้นเมื่อพราก ให้พ้นจากที่แล้ว ชื่อว่า พีชคาม เป็นวัตถุแห่งทุกกฏ พีชคามนั้น เมื่อจะบริโภค พึงบังคับ อนุปสัมบันว่า “ กัปปิยัง กะโรหิ ” ท่านจงทำกัปปิยะ ดังนี้เสียอีกแล้วจึงบริโภค เมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อว่าให้พ้นจาก พีชคาม ก็แลจะทำกัปปิยะนั้น พึงทำด้วยไฟหรือศัสตรา หรือเล็บ โดยการจด หรือแทงหรือตัดด้วยจงอย เข้าในประเทศอันหนึ่งแห่งพืชนั้น ในทางปฏิบัติมักให้อนุปสัมบัน ใช้เล็บจิกหรือเด็ดให้ขาด กล่าวว่า “ กัปปิยัง ภันเต ” ทำกัปปิยะผลมะขวิด เป็นต้น พืชข้างในหลุดจากกะลาคลอนอยู่ พึงให้ต่อยออกทำกัปปิยะ ถ้าติดกันอยู่ไซร้ จะทำแม้ใน กะลาก็ควร ก็แลผลอันใดเป็นของอ่อนไม่มีพืช และผลใดที่มีพืชปล้อนออกเสียบริโภคได้ กิจที่จะทำกัปปิยะในผลไม้นั้นไม่มี.




