สวดมนต์แปล วัดราชาธิวาส

      ปิดความเห็น บน สวดมนต์แปล วัดราชาธิวาส

ต้นแบบของวัดราชาธิวาส กรุงเทพมหานครครับ

บท  ๑๐   ตายนคาถา
    ฉินทะ    โสตัง    ปะรักกัมมะ,     เธอจงบากบั่นตัดกระแสแห่งตัณหาเสีย,      กาเม
ปะนูทะ  พราหมณะ,   จงกำจัดกามคุณทั้งหลายเสียเถิดนะพราหมณ์,   นัปปะหายะ   มุนิ
กาเม, มุนี, ที่ยังละเว้นกามคุณทั้งหลายไม่ได้, เนกัตตะมุปะปัชชะติ, ย่อมเข้าฌานยังไม่ได้, กะยิรา  เจ  กะยิราเถนัง,  ถ้าจะทำ, ให้ทำการนั้นจริง ๆ,  ทัฬหะเมนัง   ปะรักกะเม, พึงบากบั่นซึ่งการนั้นให้มั่น,  สิถิโล   หิ   ปะริพพาโช,  เพราะว่า,   การบวชที่ยังย่อหย่อนหละหลวม,  ภิยโย   อากิระเต   ระชัง,  ยิ่งจะเกลี่ยโทษดังธุลี, อะกะตัง  ทุกกะฏัง  เสยโย, อันความชั่วร้าย, ไม่ทำเสียเลยดีกว่า,  ปัจฉา  ตัปปะติ  ทุกกะฏัง, เพราะว่า, ความชั่วย่อมแผดเผาในภายหลังได้,  กะตัญจะ  สุกะตัง  เสยโย,  ฝ่ายว่าความดี, ทำไว้นั่นแหละดีกว่า,  ยัง   กัตวา  นานุตัปปะติ,  ที่ทำแล้วไม่ต้องเดือดร้อนใจ,  กุโส   ยะถา   ทุคคะหิโต,  เปรียบเหมือนหญ้าคาที่จับยังไม่มั่น, หัตถะเมวานุกันตะติ,    ย่อมบาดมือได้โดยแท้,   สามัญญัง  ทุปปะรามัตถัง, สมณคุณ, ที่ลูบคลำเกี่ยวข้องอย่างชั่วช้าก็เหมือนกัน, นิระยายูปะกัฑฒะติ, ย่อมหน่วงเหนี่ยวไปสู่นรกได้,    ยังกิญจิ    สิถิลัง    กัมมัง,    อันการงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่ย่อหย่อน,    สังกิลิฏฐัญจะ ยัง วะตัง,       และข้อวัตรปฏิบัติที่ยังเจือด้วยความเศร้าหมอง, สังกัสสะรัง         พรัหมะจะริยัง,  พรหมจรรย์,  ที่ยังต้องนึกด้วยความรังเกียจใจ,  นะ ตัง  โหติ มะหัปผะลันติ,   ทั้ง  ๓  อย่างนั้น,  ย่อมไม่เป็นการมีผลยิ่งใหญ่แล  ฯ

ส. สํ. ๖๘ – ๖๙  สวดมนต์  ๒๐๘


บท   ๑๑   อริยสัจจคาถา
        เย  ทุกขัง  นัปปะชานันติ,     ชนเหล่าใด, ไม่รู้ทั่วถึงซึ่งทุกข์,  อะโถ  ทุกขัสสะ  สัมภะวัง,       ทั้งเหตุเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์,       ยัตถะ   จะ    สัพพะโส    ทุกขัง    อะเสสัง  อุปะรุชฌะติ,    ทั้งความทุกข์ย่อมดับไม่เหลือโดยประการทั้งปวง,    ในเพราะมรรคใด,  ตัญจะ  มัคคัง  นะ  ชานันติ,   ทั้งไม่รู้ซึ่งมรรคนั้น,   ทุกขูปะสะมะคามินัง,   อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความสงบแห่งทุกข์,   เจโตวิมุตติหีนา  เต, ชนเหล่านั้น,  เป็นผู้เหินห่างจากเจโตวิมุตติ์,   อะโถ ปัญญาวิมุตติยา, ทั้งจากปัญญาวิมุตติ์,  อะภัพพา เต อันตะกิริยายะ,  เขาเป็นผู้ไม่พอเพื่อจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้,  เต  เว  ชาติชะรูปะคา,  เขาต้องเข้าถึงซึ่งชาติและชราแน่แท้,  เย  จะ  ทุกขัง  ปะชานันติ,  ฝ่ายชนเหล่าใด,   รู้ทั่วถึงซึ่งทุกข์ได้,   อะโถ   ทุกขัสสะ  สัมภะวัง,  ทั้งเหตุเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์,  ยัตถะ จะ  สัพพะโส  ทุกขัง  อะเสสัง  อุปะรุชฌะติ,    ทั้งความทุกข์ย่อมดับไม่เหลือโดยประการทั้งปวง,   ในเพราะมรรคใด,   ตัญจะ  มัคคัง ปะชานันติ,  ทั้งรู้ทั่วถึงซึ่งมรรคนั้น,  ทุกขูปะสะมะคามินัง,  อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความสงบแห่งทุกข์,  เจโตวิมุตติสัมปันนา,  ชนเหล่านั้น,  เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยเจโตวิมุตติ์,  อะโถ  ปัญญาวิมุตติยา,  ทั้งด้วยปัญญาวิมุตติ์, ภัพพา เต อันตะกิริยายะ,            เขาเพียงพอเพื่อจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้,   นะ เต ชาติชะรูปะคาติ,  เขาไม่ต้องเข้าถึงซึ่งชาติและชรา  ฉะนี้แล ฯ

ขุ. อิติ. ๓๐๐

พระคาถาธรรมบรรยาย
๑.    สัพเพ  สัตตา  มะริสสันติ, สัตวทั้งหลายทั้งสิ้นจักตาย,  มะระณันตัง  หิ  ชีวิตัง,    เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด,  ชะรังปิ  ปัตตะฺวา  มะระณัง,  แม้อยู่ได้ถึงชรา          ก็ต้องตาย,     เอวัง  ธัมมา     หิ ปาณิโน,     เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็น    ธรรมดา,
๒.    ยะมะกัง  นามะรูปัฺจะ,   ก็นามและรูปเป็นคู่กัน,     อุโภ  อัญโญญญะนิสสิตา,         ต่างอาศัยกันและกันทั้งสอง, เอกัสมิง  ภิชชะมานัสมิง,   เมื่อฝ่ายหนึ่งแตกสลาย,              อุโภ   ภิชชันติ  ปัจจะยา,     ทั้งสองฝ่ายอันอาศัยกันก็ต้องสลาย,
๓.    ยะถาปิ  อัตะรัง พีชัง,    เปรียบเหมือนพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง,   เขตเต   วุตตัง      วิรูหะติ,   ที่หว่านลงในนาแล้วย่อมงอกได้,   ปะฐะวีระสัฺจะ  อาคัมมะ,     เพราะ    อาศัยรสแห่งแผ่นดิน,   สิเนหัฺจะ  ตะทูภะยัง,          และยางในพืชเป็นสอง    ประการนั้น,
๔.    เอวัง  ขันธา  จะ  ธาตุโย,  ฉะ  จะ  อายะตะนา  อิเม,  ขันธ์   ๕   และธาตุทั้งหลาย,      ทั้งอายตนะ  ๖  เหล่านี้ก็เหมือนกัน, เหตุง  ปะฏิจจฺะ  สัมภูตา,   อาศัย    เหตุจึงเกิดขึ้น    ได้,   เหตุภังคา   นิรุชฌะเร,    เพราะเหตุแตกสลายก็ย่อมดับไป,
๕.    ยะถา   หิ   อังคะสัมภารา,   เปรียบเหมือนการคุมสัมภาระเครื่องรถเข้าได้,  โหติ       สัทโท  ระโถ   อิติ,   เสียงเรียกว่ารถก็มีได้,  เอวัง ขันเธสุ   สันเตสุ ,   เมื่อขันธ์  ๕      ยังมีอยู่ก็เหมือนกัน,   โหติ  สัตโตติ  สัมมะติ,    การสมมติว่าสัตว์ก็มีได้,
๖.    อุโภ    ปุญญัญจะ   ปาปัฺจะ    ยัง    มัจโจ   กุรุเต  อิธะ,     อันผู้จะต้องตายทำ    บุญและบาปทั้งสองอย่าง  ๆ  ใดไว้ในโลกนี้,  ตัฺหิ  ตัสสะ  สะกัง  โหติ, บุญและ    บาปนั้น,    คงเป็นของ ๆ  ผู้นั้นแท้,  ตัจะ  อาทายะ คัจฉะติ,   ผู้นั้น,  ก็ต้องรับรอง    บุญหรือบาปนั้นไป,    ตัจัสสะ   อะนุคัง  โหติ,     บุญหรือบาปนั้นก็ย่อมติดตาม     ผู้นั้นไป,  ฉายาวะ   อะนุปายินี,         เหมือนเงาอันติดตามผู้นั้นไปฉะนั้น,
๗.    สัทธายะ   สีเลนะ  จะ  โย  ปะวัฑฒะติ,     ผู้ใด  เจริญด้วยศรัทธาและศีล,            ปัายะ   จาเคนะ   สุเตนะ   จูภะยัง,     และปัญญาการบริจาค     การสดับศึกษาทั้งสองฝ่าย,    โส     ตาทิโส    สัปปุริโส  วิจักขะโณ,      ผู้นั้น,   เป็นสัตบุรุษเฉียบ    แหลมเช่นนั้น,  อาทียะติ   สาระมิเธวะ  อัตตโน,      ย่อมถือไว้ได้ซึ่งสาระ    ประโยชน์ของตนในโลกนี้แท้,
๘.    อัชเชวะ  กิจจะมาตัปปัง,  ควรรีบทำความเพียรในวันนี้ทีเดียว,  โก ชัญญา มะระณัง      สุเว,   ใครจะรู้ได้ว่าความตายจะมีในพรุ่งนี้,      นะ  หิ  โน  สังคะรันเตนะ  มะหาเส    เนนะ    มัจจุนา,         เราทั้งหลาย,   จะผัดเพี้ยนด้วยมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้นไม่    ได้เลย,
๙.    เอวัมภูเตสุเปยเตสุ  สาธุ  ตัตถาชฌุเปกขะณา,  เมื่อสังขารเหล่านั้น,    ต้องเป็นอย่าง    นี้แน่แท้แล้ว,  การวางอุเบกขาในสังขารเหล่านั้นได้เป็นดี,   อะปิ เตสัง  นิโรธายะ      ปะฏิปัตยาติสาธุกา,    อนึ่ง,   การปฏิบัติเพื่อความสงบสังขารเหล่านั้นได้,   ก็ยิ่ง    เป็นความดี, 
    สัพพัง  สัมปาทะนียัหิ  อัปปะมาเทนะ สัพพะทาติ,  กิจทั้งสิ้นนี้ควรบำเพ็ญให้          บริบูรณ์ได้,   ด้วยความไม่ประมาท ในกาลทุกเมื่อแล ฯ

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....