รวมปัญหา ถาม ตอบ ศีลธรรม ธรรมวิภาค

      ปิดความเห็น บน รวมปัญหา ถาม ตอบ ศีลธรรม ธรรมวิภาค

ปัญหาศีลธรรม

ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น

ฉบับเตรียมสอบตอบปัญหาศีลธรรม

  1. ธรรมวิภาค   หมายถึง             การจำแนกแจกแจงธรรมออกเป็นหมวดเป็นหมู่
  2. ธรรมวิภาค   ผู้แต่งคือ            สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
  3. พหุปการธรรม  หมายถึง        ธรรมที่มีอุปการะมาก (สติ – สัมปชัญญะ)
  4. สติ – สัมปชัญญะ ควรใช้ในเวลาโอกาสไหน     ควรใช้ในทุกโอกาส (ก่อนทำ ก่อนพูด ก่อนคิด)
  5. สติ  คือ        ความระลึกได้     สัมปชัญญะ คือ   ความรู้สึกตัว
  6. ในการประพฤติปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนา สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ  สติ สัมปชัญญะ
  7. โลกปาลธรรม หมายถึง          ธรรมสำหรับคุ้มครองโลก (หิริ – โอตตัปปะ)
  8. หิริ  คือ        ความละอายต่อบาป        โอตตัปปะ  คือ               ความเกรงกลัวต่อบาป
  9. โลกเราที่วุ่นวายสับสนอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่าขาดธรรม คือ            หิริ โอตตัปปะ
  10. ธรรมที่ค้ำจุนโลก คือ เมตตา   ตรงกับคำบาลีว่า  โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา
  11. ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ในทางธรรมะหมายถึง          ขันติ โสรัจจะ
  12. ขันติ คือ       ความอดทน       โสรัจจะ คือ        ความเสงี่ยม
  13. คนที่มักโกรธฉุนเฉียวอารมณ์ร้ายอยู่เสมอ เพราะเขาขาดธรรม คือ           ขันติ โสรัจจะ
  14. คนที่ใครเห็นใครชอบเป็นคนน่ารักน่าคบหา เพราะเขามีธรรม คือ            ขันติ โสรัจจะ
  15. บุพพการีบุคคล หมายถึง  บุคคลที่ทำอุปการะมาก่อน (พ่อแม่ ครู อาจารย์ เป็นต้น)
  16. กตัญญูกตเวทีบุคคล  หมายถึง  บุคคลที่รู้อุปการะคุณที่ผู้อื่นกระทำแต่ตนแล้วหาทางตอบแทน
  17. กตัญญูกตเวทีบุคคล  ท่านกล่าวว่าเป็นเครื่องหมายของ    คนดี
  18. รัตนะ  หมายถึง แก้ว  รัตนตรัย หมายถึง           แก้วอันประเสริฐ ๓ ดวง
  19. รัตนะมี 3 คือ            พระพุทธเจ้า      พระธรรม          พระสงฆ์
  20. พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์  นอกจากเรียกว่ารัตนะแล้ว ยังเรียกว่า สรณะ ได้อีก
  21. พระพุทธเจ้า             คือ  ท่านผู้สอนให้หมู่ชนประพฤติชอบด้วยกายวาจาใจ ตามหลักธรรมวินัย
  22. พระธรรม                คือ  คำสั่งสอนของท่าน (พระธรรมวินัย)
  23. พระสงฆ์                 คือ  หมู่ชนที่ฟังคำสั่งสอนของท่านแล้ว ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัย
  24. พระพุทธเจ้า             มีคุณ คือ รู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตามด้วย
  25. พระธรรม                มีคุณ คือ รักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว
  26. พระสงฆ์                 มีคุณ คือ ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนผู้อื่นให้กระทำตาม
  27. นวรหคุณ                 คือ        คุณของพระพุทธเจ้า ๙ ประการ
  28. พระพุทธคุณ ๙ ย่อลงเหลือเพียง ๓  คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ
  29. พระปัญญาคุณ          ได้แก่ พระพุทธคุณ ๙ ข้อ             ๕ –
  30. พระวิสุทธิคุณ           ได้แก่ พระพุทธคุณ  ๙ ข้อ            ๓ –
  31. พระมหากรุณาคุณ     ได้แก่ พระพุทธคุณ  ๙  ข้อ           ๖ – ๗
  32. จากพระพุทธคุณ ๓ ย่อลงได้อีกมี  ๒  คือ   อัตตหิตสมบัติ          ปรหิตสมบัติ
  33. พระคุณส่วนที่เป็น   อัตตหิตสมบัติ     หมายถึง ทรงบำเพ็ญประโยชน์ส่วนพระองค์เสร็จสิ้นแล้ว
  34. พระคุณส่วนที่เป็น   ปรหิตสมบัติ        หมายถึง ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อหมู่ชนเหล่าอื่น
  35. พระพุทธคุณที่เป็น   ปรหิตสมบัติ       ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ              ๒ – ๓ –
  36. พระพุทธคุณส่วนที่เป็น     อัตตหิตสมบัติ  ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ        
  37. พระพุทธคุรสวนที่เป็นทั้ง อัตตสมบัติและปรหิตสมบัติ ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ   ๘ – ๙
  38. คำว่า           สนฺทิฏฺฐิโก         หมายความว่า     ผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
  39. คำว่า           อกาลิโก             หมายความว่า     ไม่จำกัดกาลเวลา
  40. คำว่า           เอหิปสฺสิโก        หมายความว่า     ควรเรียกให้มาดู (พิสูจน์ได้)
  41. คำว่า           โอปนยิโก          หมายความว่า     ควรน้อมธรรมเข้ามา
  42. ตั้งแต่ข้อ ๓๔ ถึงข้อ ๔๑ รวมเรียกว่า     คุณของพระธรรม (ธรรมคุณ)
  43. คำว่า  เป็นผู้ควรแก่ของคำนับ              ตรงกับคำบาลีว่า              อาหุเนยฺโย
  44. คำว่า  เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ            ตรงกับคำบาลีว่า              ปาหุเนยฺโย
  45. คำว่า  เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา(ทำบุญ)     ตรงกับคำบาลีว่า              ทกฺขิเณยฺโย
  46. คำว่า  เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี(กราบไหว้) ตรงกับคำบาลีว่า      อญฺชลีกรณีโย
  47. ตั้งแต่ข้อ ๔๓ ถึงข้อ ๔๖ รวมเรียกว่า                            คุณของพระสงฆ์(สังฆคุณ)
  48. เว้นชั่ว ประพฤติดี ทำใจให้ผ่องใจ        รวมเรียกว่า         หัวใจพระพุทธศาสนา
  49. หัวใจพระพุทธศาสนา            เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า         โอวาทของพระพุทธเจ้า
  50. ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม               จัดเป็น   กายทุจริต (ประพฤติชั่วทางกาย)
  51. พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ      จัดเป็น   วจีทุจริต (ประพฤติชั่วทางวาจา)
  52. โลภอยากได้ พยาบาท เห็นผิดจากครองธรรม    จัดเป็น   มโนทุจริต (ประพฤติชั่วทางใจ)
  53. คำว่า           มุสาวาท             หมายถึง            การ พูดเท็จ
  54. คำว่า           ปิสุณาวา            หมายถึง            การ พูดส่อเสียด
  55. คำว่า           ผรุสวาจา            หมายถึง            การ พูดคำหยาบ
  56. คำว่า           สัมผัปปลาปะ     หมายถึง            การ พูดเพ้อเจ้อ
  57. รากเง่าของความชั่ว(อกุศล)     เรียกว่า  อกุศลมูล            ได้แก่    โลภะ โทสะ โมหะ
  58. รากเง่าของความดี (กุศล)       เรียกว่า อกุศลมูล             ได้แก่    อโลภะ อโทสะ อโมหะ
  59. ข้อที่สัตบุรุษ(คนดี)บัญญัติตั้งไว้  เรียกว่า          สัปปุริสบัญญัติ
  60. ทาน            หมายถึง            การสละสิ่งของ ๆ ตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
  61. ปัพพัชชา     หมายถึง            การถือบวช หรือ  ออกบวช
  62. มาตาปิตุอุปัฏฐานหมายถึง      การบำรุงมารดาบิดาให้เป็นสุข
  63. อินทรียสังวร            หมายถึง   การสำรวมอินทรีย์        คือ    ตา หู จมูก ลิ้น กาย  ใจ
  64. โภชเน มัตตัญญุตา    หมายถึง  การรู้จักประมานในการบริโภค
  65. ชาคริยานุโยค           หมายถึง  การประกอบความเพียรไม่เห็นแก่นอน
  66. ตั้งแต่ข้อ ๖๓ ถึงข้อ ๖๕         รวมเรียกว่า         อปัณณกปฏิปทา (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด)
  67. ทานมัย ศีลมัย ภาวนาภัย        รวมเรียกว่า         บุญกิริยาวัตถุ      (ที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ)
  68. การจัดโครงการอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุ ข้อ               ทานมัย
  69. การที่นักเรียนอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน สงเคราะห์เข้าในบุญกิริยาวัตถุข้อ       ศีลมัย
  70. ลักษณะที่มีเสมอกันแก่สังขารทั้งปวง    เรียกว่า  สามัญญลักษณะ หรือ ไตรลักษณ์
  71. สามัญญลักษณะ มี ๓ คือ        อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา
  72. อนิจจตา (อนิจจัง) ได้แก่        ความเป็นของไม่เที่ยง
  73. ทุกขตา (ทุกขัง) ได้แก่           ความเป็นทุกข์
  74. อนัตตตา (อนัตตา) ได้แก่       ความเป็นของไม่ใช่ตัวตน
  75. คนเราหากต้องการเจริญก้าวหน้า         ควรใช้ธรรมอะไร            วุฒิธรรม
  76. โยนิโสมนสิการ        หมายถึง            การ ไตร่ตรองพิจารณาโดยแยบคาย
  77. เป็นนักบริหารเป็นนักปกครอง เป็นผู้ใหญ่เป็นครูอาจารย์ ควรเว้นธรรมอะไร        อคติ
  78. อคติ ได้แก่ ความลำเอียง มี ๔ คือ        ฉันทาคติ  โทสาคติ  โมหาคติ  ภยาคติ
  79. ธรรมะที่ส่งเสริมการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ คือ    ปธานธรรม
  80. หลักธรรมที่ส่งเสริมให้คนเรามีจิตใจมั่นคงควรนำมาไว้ในใจ       คือ        อธิษฐานธรรม
  81. ความสำเร็จในชีวิตการงาน การศึกษา ควรใช้ธรรมอะไร             คือ        อิทธิบาท ๔
  82. กิจกรรมอะไรก็ตามที่ประสบความล้มเหลว เพราะขาดหลักธรรมอะไร     อิทธิบาท
  83. อิทธิบาทธรรม          หมายถึง            ธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการได้
  84. เป็นนักเรียนนักศึกษา ควรนำหลักธรรมคือ        อิทธิบาทธรรม   มาใช้จึงจะพบความสำเร็จ
  85. เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา รวมเรียกว่า          พรหมวิหารธรรม
  86. การที่นักเรียนแบ่งอาหารให้เพื่อนรับประทาน    จัดเป็นพรหมวิหารข้อใด   กรุณา
  87. อุเบกขา ในพรหมวิหาร  หมายถึง การวางเฉย ไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นล่มจม
  88. พรหมวิหาร ๔ นี้ เป็นหลักธรรมสำหรับ            ผู้ใหญ่ นักปกครอง นักบริหาร พ่อแม่ ครูอาจารย์
  89. เหตุให้เกิดความทุกข์ ตามหลักอริยสัจ ๔ คือ     ตัณหา ความทะยานอยาก
  90. การที่คนเราอยากได้นั่นอยากได้นี่เป็นไปตามอารมณ์อยาก          เรียกว่า  กามตัณหา
  91. บางคนอยากเป็นนั่นเป็นนี่ ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างนี้จัดเป็นตัณหาอะไร           ภวตัณหา
  92. วิภวตัณหา หมายถึง   ความอยากไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่ คือ ไม่อยากเป็นอะไร
  93. ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ได้          เรียกว่า  มรรค
  94. ปัญญาอันเห็นชอบ ดำริชอบ สงเคราะห์เข้าในไตรสิกขา             ข้อว่า     ปัญญาสิกขา
  95. เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ สงเคราะห์เข้าในไตรสิกขา ข้อว่า    ศีลสิกขา
  96. เพียรชอบ ตั้งสติชอบ ตั้งใจชอบ สงเคราะห์เข้าใจไตรสิกขา           ข้อว่า   จิตตสิกขา

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....