ปัญหาศีลธรรม
ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น
ฉบับเตรียมสอบตอบปัญหาศีลธรรม
- ธรรมวิภาค หมายถึง การจำแนกแจกแจงธรรมออกเป็นหมวดเป็นหมู่
- ธรรมวิภาค ผู้แต่งคือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
- พหุปการธรรม หมายถึง ธรรมที่มีอุปการะมาก (สติ – สัมปชัญญะ)
- สติ – สัมปชัญญะ ควรใช้ในเวลาโอกาสไหน ควรใช้ในทุกโอกาส (ก่อนทำ ก่อนพูด ก่อนคิด)
- สติ คือ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ คือ ความรู้สึกตัว
- ในการประพฤติปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนา สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ สติ – สัมปชัญญะ
- โลกปาลธรรม หมายถึง ธรรมสำหรับคุ้มครองโลก (หิริ – โอตตัปปะ)
- หิริ คือ ความละอายต่อบาป โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป
- โลกเราที่วุ่นวายสับสนอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่าขาดธรรม คือ หิริ – โอตตัปปะ
- ธรรมที่ค้ำจุนโลก คือ เมตตา ตรงกับคำบาลีว่า โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา
- ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ในทางธรรมะหมายถึง ขันติ – โสรัจจะ
- ขันติ คือ ความอดทน โสรัจจะ คือ ความเสงี่ยม
- คนที่มักโกรธฉุนเฉียวอารมณ์ร้ายอยู่เสมอ เพราะเขาขาดธรรม คือ ขันติ – โสรัจจะ
- คนที่ใครเห็นใครชอบเป็นคนน่ารักน่าคบหา เพราะเขามีธรรม คือ ขันติ – โสรัจจะ
- บุพพการีบุคคล หมายถึง บุคคลที่ทำอุปการะมาก่อน (พ่อแม่ ครู อาจารย์ เป็นต้น)
- กตัญญูกตเวทีบุคคล หมายถึง บุคคลที่รู้อุปการะคุณที่ผู้อื่นกระทำแต่ตนแล้วหาทางตอบแทน
- กตัญญูกตเวทีบุคคล ท่านกล่าวว่าเป็นเครื่องหมายของ คนดี
- รัตนะ หมายถึง แก้ว รัตนตรัย หมายถึง แก้วอันประเสริฐ ๓ ดวง
- รัตนะมี 3 คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
- พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากเรียกว่ารัตนะแล้ว ยังเรียกว่า สรณะ ได้อีก
- พระพุทธเจ้า คือ ท่านผู้สอนให้หมู่ชนประพฤติชอบด้วยกายวาจาใจ ตามหลักธรรมวินัย
- พระธรรม คือ คำสั่งสอนของท่าน (พระธรรมวินัย)
- พระสงฆ์ คือ หมู่ชนที่ฟังคำสั่งสอนของท่านแล้ว ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัย
- พระพุทธเจ้า มีคุณ คือ รู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตามด้วย
- พระธรรม มีคุณ คือ รักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว
- พระสงฆ์ มีคุณ คือ ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนผู้อื่นให้กระทำตาม
- นวรหคุณ คือ คุณของพระพุทธเจ้า ๙ ประการ
- พระพุทธคุณ ๙ ย่อลงเหลือเพียง ๓ คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ
- พระปัญญาคุณ ได้แก่ พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๒ – ๕ – ๘
- พระวิสุทธิคุณ ได้แก่ พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๑ – ๓ – ๙
- พระมหากรุณาคุณ ได้แก่ พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๔ – ๖ – ๗
- จากพระพุทธคุณ ๓ ย่อลงได้อีกมี ๒ คือ อัตตหิตสมบัติ ปรหิตสมบัติ
- พระคุณส่วนที่เป็น อัตตหิตสมบัติ หมายถึง ทรงบำเพ็ญประโยชน์ส่วนพระองค์เสร็จสิ้นแล้ว
- พระคุณส่วนที่เป็น ปรหิตสมบัติ หมายถึง ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อหมู่ชนเหล่าอื่น
- พระพุทธคุณที่เป็น ปรหิตสมบัติ ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๑ – ๒ – ๓ – ๕
- พระพุทธคุณส่วนที่เป็น อัตตหิตสมบัติ ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๒ – ๗
- พระพุทธคุรสวนที่เป็นทั้ง อัตตสมบัติและปรหิตสมบัติ ได้แก่พระพุทธคุณ ๙ ข้อ ๔ – ๘ – ๙
- คำว่า สนฺทิฏฺฐิโก หมายความว่า ผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
- คำว่า อกาลิโก หมายความว่า ไม่จำกัดกาลเวลา
- คำว่า เอหิปสฺสิโก หมายความว่า ควรเรียกให้มาดู (พิสูจน์ได้)
- คำว่า โอปนยิโก หมายความว่า ควรน้อมธรรมเข้ามา
- ตั้งแต่ข้อ ๓๔ ถึงข้อ ๔๑ รวมเรียกว่า คุณของพระธรรม (ธรรมคุณ)
- คำว่า เป็นผู้ควรแก่ของคำนับ ตรงกับคำบาลีว่า อาหุเนยฺโย
- คำว่า เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ ตรงกับคำบาลีว่า ปาหุเนยฺโย
- คำว่า เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา(ทำบุญ) ตรงกับคำบาลีว่า ทกฺขิเณยฺโย
- คำว่า เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี(กราบไหว้) ตรงกับคำบาลีว่า อญฺชลีกรณีโย
- ตั้งแต่ข้อ ๔๓ ถึงข้อ ๔๖ รวมเรียกว่า คุณของพระสงฆ์(สังฆคุณ)
- เว้นชั่ว ประพฤติดี ทำใจให้ผ่องใจ รวมเรียกว่า หัวใจพระพุทธศาสนา
- หัวใจพระพุทธศาสนา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โอวาทของพระพุทธเจ้า
- ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม จัดเป็น กายทุจริต (ประพฤติชั่วทางกาย)
- พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ จัดเป็น วจีทุจริต (ประพฤติชั่วทางวาจา)
- โลภอยากได้ พยาบาท เห็นผิดจากครองธรรม จัดเป็น มโนทุจริต (ประพฤติชั่วทางใจ)
- คำว่า มุสาวาท หมายถึง การ พูดเท็จ
- คำว่า ปิสุณาวา หมายถึง การ พูดส่อเสียด
- คำว่า ผรุสวาจา หมายถึง การ พูดคำหยาบ
- คำว่า สัมผัปปลาปะ หมายถึง การ พูดเพ้อเจ้อ
- รากเง่าของความชั่ว(อกุศล) เรียกว่า อกุศลมูล ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ
- รากเง่าของความดี (กุศล) เรียกว่า อกุศลมูล ได้แก่ อโลภะ อโทสะ อโมหะ
- ข้อที่สัตบุรุษ(คนดี)บัญญัติตั้งไว้ เรียกว่า สัปปุริสบัญญัติ
- ทาน หมายถึง การสละสิ่งของ ๆ ตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
- ปัพพัชชา หมายถึง การถือบวช หรือ ออกบวช
- มาตาปิตุอุปัฏฐานหมายถึง การบำรุงมารดาบิดาให้เป็นสุข
- อินทรียสังวร หมายถึง การสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
- โภชเน มัตตัญญุตา หมายถึง การรู้จักประมานในการบริโภค
- ชาคริยานุโยค หมายถึง การประกอบความเพียรไม่เห็นแก่นอน
- ตั้งแต่ข้อ ๖๓ ถึงข้อ ๖๕ รวมเรียกว่า อปัณณกปฏิปทา (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด)
- ทานมัย ศีลมัย ภาวนาภัย รวมเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ (ที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ)
- การจัดโครงการอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุ ข้อ ทานมัย
- การที่นักเรียนอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน สงเคราะห์เข้าในบุญกิริยาวัตถุข้อ ศีลมัย
- ลักษณะที่มีเสมอกันแก่สังขารทั้งปวง เรียกว่า สามัญญลักษณะ หรือ ไตรลักษณ์
- สามัญญลักษณะ มี ๓ คือ อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา
- อนิจจตา (อนิจจัง) ได้แก่ ความเป็นของไม่เที่ยง
- ทุกขตา (ทุกขัง) ได้แก่ ความเป็นทุกข์
- อนัตตตา (อนัตตา) ได้แก่ ความเป็นของไม่ใช่ตัวตน
- คนเราหากต้องการเจริญก้าวหน้า ควรใช้ธรรมอะไร วุฒิธรรม
- โยนิโสมนสิการ หมายถึง การ ไตร่ตรองพิจารณาโดยแยบคาย
- เป็นนักบริหารเป็นนักปกครอง เป็นผู้ใหญ่เป็นครูอาจารย์ ควรเว้นธรรมอะไร อคติ
- อคติ ได้แก่ ความลำเอียง มี ๔ คือ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ
- ธรรมะที่ส่งเสริมการพึ่งตนเองเป็นสำคัญ คือ ปธานธรรม
- หลักธรรมที่ส่งเสริมให้คนเรามีจิตใจมั่นคงควรนำมาไว้ในใจ คือ อธิษฐานธรรม
- ความสำเร็จในชีวิตการงาน การศึกษา ควรใช้ธรรมอะไร คือ อิทธิบาท ๔
- กิจกรรมอะไรก็ตามที่ประสบความล้มเหลว เพราะขาดหลักธรรมอะไร อิทธิบาท
- อิทธิบาทธรรม หมายถึง ธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการได้
- เป็นนักเรียนนักศึกษา ควรนำหลักธรรมคือ อิทธิบาทธรรม มาใช้จึงจะพบความสำเร็จ
- เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา รวมเรียกว่า พรหมวิหารธรรม
- การที่นักเรียนแบ่งอาหารให้เพื่อนรับประทาน จัดเป็นพรหมวิหารข้อใด กรุณา
- อุเบกขา ในพรหมวิหาร หมายถึง การวางเฉย ไม่ดีใจไม่เสียใจเมื่อผู้อื่นล่มจม
- พรหมวิหาร ๔ นี้ เป็นหลักธรรมสำหรับ ผู้ใหญ่ นักปกครอง นักบริหาร พ่อแม่ ครูอาจารย์
- เหตุให้เกิดความทุกข์ ตามหลักอริยสัจ ๔ คือ ตัณหา – ความทะยานอยาก
- การที่คนเราอยากได้นั่นอยากได้นี่เป็นไปตามอารมณ์อยาก เรียกว่า กามตัณหา
- บางคนอยากเป็นนั่นเป็นนี่ ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างนี้จัดเป็นตัณหาอะไร ภวตัณหา
- วิภวตัณหา หมายถึง ความอยากไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่ คือ ไม่อยากเป็นอะไร
- ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ได้ เรียกว่า มรรค
- ปัญญาอันเห็นชอบ ดำริชอบ สงเคราะห์เข้าในไตรสิกขา ข้อว่า ปัญญาสิกขา
- เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ สงเคราะห์เข้าในไตรสิกขา ข้อว่า ศีลสิกขา
- เพียรชอบ ตั้งสติชอบ ตั้งใจชอบ สงเคราะห์เข้าใจไตรสิกขา ข้อว่า จิตตสิกขา