เป็นผลไม้ที่มีให้เห็นตลอดทั้งปีแต่จะมีช่วงที่ราคาถูกและแพง ในช่วงที่มีราคานั่นย่อมหมายถึงมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อย ผลผลิตก็เลยล้นตลาดทำให้ราคาต่ำตามลงไปด้วย
จากเหตุผลดังนี้ทำให้ ทวารัตน์ ธรรมรัตนานันท์ ประธานกลุ่มแม่บ้านไทรทอง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จึงคิดนำขนุนมาแปรรูปขาย ทำไปทำมา ขายดีเลยต้องทำขายกันทั้งปี ไม่ว่าขนุนจะมีราคาถูกหรือแพง
ในยุค 10 ปีที่แล้วนั้น จ.ฉะเชิงเทรายังมีการปลูกขนุนเพื่อการค้ากันน้อย ปลูกในครัวเรือนกันไม่ กี่ต้น ต่อมามีผู้นำมาปลูกเพื่อการค้า โดยปลูก พันธุ์ ทองสุดใจ พันธุ์ทองประเสริฐ พันธุ์เหรียญทอง ขณะนั้นราคาขนุนสดมีพ่อค้ามาตัดกันถึงสวนราคา กก. ละ 28 บาท
ทำให้มีคนปลูกตามเป็นจำนวนมากปลูกกัน ตั้งแต่ 5 ไร่ ไปจนเป็นร้อยไร่
คุณป้าทวารัตน์เองก็ปลูกกับเขาด้วย พอเวลาผ่านไปเมื่อมีปริมาณขนุนมากขึ้น ราคาที่ตัดจากสวนก็ลดลง เหลือเพียง กก. ละ 1 บาทเท่านั้น
คราวนี้คุณป้ามองเห็นว่า ทุเรียน ยังนำมาทำทุเรียนกรอบ ขายได้ราคาดีกว่าตัดทุเรียนสดขายเสียอีก ก็เลยลองผิดลองถูกในการทำ ขนุนกรอบ
กระทั่งมีงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามา สนับสนุนหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มแม่บ้านและของบประมาณซื้ออุปกรณ์ จำพวกเตาอบ กระทะ เตาแก๊ส ฯลฯ
คราวนี้คุณป้าทวารัตน์ได้ไปเข้ารับการอบรม แปรรูปขนุนแบบครบวงจร จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็นำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดให้กับสมาชิก กลุ่มและเริ่มทำจริงจังมาแต่บัดนั้น
อุปกรณ์ในการทำขนุนทอด มีดังนี้ เตาอบลมร้อน, เตาแก๊ส, กระทะ, กระชอน, ถาด, กระดาษฟาง, มีดสำหรับหั่นและสไลด์เนื้อขนุน, ตะแกรง
โดยวัตถุดิบนั้นจะเน้นซื้อจากสมาชิกกลุ่ม ก่อน เมื่อไม่มีก็จะไปซื้อของเพื่อนบ้านละแวกเดียว กัน โดยดูราคาจากพ่อค้าที่มาตัดที่สวนซื้อเท่าไหร่ ทางกลุ่มฯก็จะซื้อราคาเดียวกัน แถมในยามที่ราคาตกต่ำสุดสุดเหลือเพียง กก. ละ 1 บาทนั้น ทางกลุ่มก็จะซื้อ กก. ละ 1.50 บาท แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นฤดูที่ขนุนมีราคาแพง
การเลือกขนุนต้องเลือกขนุนที่มีความแก่ 70% สังเกตที่ผิวของขนุนจะเป็นเส้นสีน้ำตาลยังไม่ดำ ตาเริ่มแตกเป็นสีน้ำตาล ผิวของเปลือกยังไม่บาง
หากขนุนบ่มสุกจะตัดเมื่อมีความแก่ 80-100% คือจะเห็นเป็นเส้นสีดำชัดเจนตามร่องตาของขนุนและขนาดของตาขนุนเริ่มขยายใหญ่ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าตาแตก) ผิวเริ่มบางลง
ได้ขนุนมาแล้วก็นำมาปอก เปลือกสีเขียว ทิ้ง ล้างยางด้วยน้ำสะอาด แกะเอาแต่เนื้อออกมาให้ติดเมล็ดเพื่อความสะดวกในการฝานเนื้อ เนื้อของขนุนจะมีลักษณะเป็นแป้ง ชิมดูจะมีรสจืด ยังไม่มีรสหวานเหมือนขนุนตัดสุก
ถ้าใช้ขนุนที่แก่เกินกว่า 70% เวลานำมาทอดแล้วเนื้อขนุนจะ ไม่ กรอบ แต่จะ เละ
ใช้มีดปอกผลไม้สไลด์เนื้อขนุนจนถึงติดเมล็ด แล้วเมล็ดขนุนนั้นนำไปขายให้บ่อเลี้ยงปลาได้
ป้าทวารัตน์บอกว่าทางกลุ่มจะมารวมตัวกันทำขนุนทอดอาทิตย์ละ 2 หน ครั้งละ 150 กก. (ขนุนสดน้ำหนักทั้งเปลือก) ใช้น้ำมันปาล์ม 15 กก. และเกลือป่นเล็กน้อย
หลังจากได้เนื้อขนุนที่ฝานแล้ว ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปครั้งละ 5 กก. นำขนุนลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดแล้วใช้กระชอนลงไปคนและก็สังเกตดูว่าถ้า ขนุนที่กรอบใช้ได้แล้วนั้นเนื้อขนุนจะกระทบกับกระชอนที่เราใช้คนดัง คล้องแคล้ง…คล้องแคล้ง ก็แสดงว่าใช้ได้แล้วก็ตักขึ้นมาสะบัดให้สะเด็ดน้ำมัน ใส่ในถาดที่รองด้วยกระดาษฟางให้กระดาษซับน้ำมัน
นำเกลือป่นมาคลุกให้ทั่วแล้วปล่อยทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงเพื่อให้เย็นแล้วก็ นำไปบรรจุในถุงขนาดใหญ่พักไว้
เมื่อเวลาที่จะนำไปส่งขาย ก็นำเนื้อขนุนที่ทอดแล้วออกมาจากถุงใบใหญ่ แล้วก็นำไปอบในเตาอบลมร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็นำมาชั่งน้ำหนักบรรจุใส่ถุงขายตามขนาดต่าง ๆ 20-50 บาท แต่ถ้าขายเป็นกิโลก็จะขายกิโลละ 200 บาท เลยทีเดียว
จากสูตรข้างต้นขนุน 150 กิโลกรัมจะทอดได้เนื้อขนุนประมาณ 10-12 กิโลกรัม(อยู่ที่เนื้อของขนุน)
เมื่อขนุนทอดผ่านการอบแล้ว เวลาที่บรรจุใส่ถุงจะไม่มีน้ำมันเกาะติดถุงพลาสติก เพราะได้ถูกเตาอบดูดเอาน้ำมันออกไปแล้ว
วัตถุดิบในการทำครองแครงขนุน มี ขนุนดิบ 50 กิโล กรัม (น้ำหนักทั้งเปลือก), กระเทียม 3 หัว, รากผักชี, พริกไทย, เกลือป่น 50 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 0.5 กิโลกรัม
ขั้นตอนการทำครองแครงขนุน
การเตรียมเนื้อขนุนเหมือนกันกับขนุนทอด แต่การทำครองแครงขนุนเราจะต้องนำเนื้อขนุนมาหั่นเป็นเส้น ความหนาตามเนื้อของขนุน นำไปทอดในน้ำมันปาล์มที่ร้อนจัดให้เนื้อขนุนนั้นกรอบแล้วก็นำขึ้นมาให้ สะเด็ดน้ำมัน
หลังจากนั้นก็คลุกเคล้ากับพริกไทย เกลือป่น น้ำตาลปี๊บ และพริกไทยกับรากผักชีที่ตำรวมกันแล้วก็นำเข้าไปอบในเตาอบลมร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส อบไว้ 2 ชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จก็นำมาบรรจุใส่ถุงขายและถ้าขายเป็นกิโลก็กิโลละ 200 บาท
จากสูตรข้างบนจะทำครองแครงขนุนได้ 2 กิโลกรัม
ใครสนใจอยากได้สูตรเด็ดในการทำขนุนทอดและครองแครงขนุน เพื่อนำไปประกอบอาชีพ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขนุนในสวนก็ติดต่อไปที่กลุ่ม แม่บ้านไทรทองหรือคุณป้าทวารัตน์ โทร. 0-1294-5273, 0-3851-6315
คู่มือลงทุน
– ทุนอุปกรณ์ 50,000 บาท
– ทุนหมุนเวียน 1,700-2,000 บาท/ขนุนดิบ 150 กก.
– รายได้ 2,000-2,400 บาท/ขนุนดิบ 150 กก.
– จุดคุ้มทุน 12 เดือนแรงงาน 2-3 คน
สิ่งที่ต้องมี แหล่งซื้อขนุนดีราคาถูกตลาด ส่งตามร้านโชห่วยจุดที่น่าสนใจ
ทำง่ายขายได้ราคาดีข้อจำกัด ในช่วงที่ขนุนราคาแพง/ต้นทุนก็จะแพงตามไปด้วยหมายเหตุ อุปกรณ์แพงที่สุดก็คือเตาอบลมร้อนและทุนหมุนเวียนรวมค่าแรงแล้ว