พิธีการทอดกฐิน

      ปิดความเห็น บน พิธีการทอดกฐิน

พิธีทอดกฐิน

กฐินคืออะไร

           กฐิน น. ผ้าที่ถวายพระซึ่งจำพรรษาแล้ว๑ ว. สำหรับการอย่างนั้น เช่นในคำว่า ผ้ากฐิน (ป. ไม้สะดึง คือไม้แบบตัดจีวร ผ้ากฐิน คือผ้าสำหรับใช้ไม้สะดึง เพราะต้องเอาไม้สะดึงมากะเพื่อตัดจีวรให้เสร็จก่อนรุ่ง)

           กฐิน สังฆกรรมอย่างหนึ่ง๒ ซึ่งมีพระพุทธานุญาตไว้เพื่อขยายระยะเวลาทำจีวรให้ยาวออกไป โดยปกติระยะเวลาทำจีวรมีเพียงท้ายฤดูฝน ถ้าได้กรานกฐินแล้วระยะเวลาย่อมขยายออกไปตลอดฤดูหนาว ในกาลต่อมาได้กำหนดเป็นประเพณีทางพระพุทธศาสนา ที่สำคัญอันหนึ่งของชาวไทยที่เป็นพุทธศาสนิก สืบต่อตกทอดมาแต่โบราณเท่าที่มีหลักฐานทราบได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เรียกเป็นสามัญว่า "ประเพณีทอดกฐิน"

           กฐินไม้สะดึง๓ไม้แบบสำหรับเอาผ้าลาดลงไปแล้วตัดผ้าตามไม้แบบนั้นและเย็บตามแบบนั้นด้วย ผ้าที่ถวายประจำปีแก่ภิกษุอยู่จำพรรษาเพื่อทำจีวร

มูลเหตุแห่งพุทธานุญาต

           มูลเหตุที่พระผู้มีพระภาคทรงมีพระพุทธานุญาตให้ภิกษุกรานกฐินนั้นคือภิกษุปาเฐยยะเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า๔ สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุปาเฐยยรัฐ ๓๐ รูป ล้วนถืออรัญญิกธุดงค์บิณฑปาติกธุดงค์ และเตจีวริกธุดงค์ เดินทางไปพระนครสาวัตถี เพื่อเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อจวนถึงวันเข้าพรรษา ก็ยังไม่สามารถจะเดินทางให้ทันวันเข้าพรรษาในพระนครสาวัตถี จึงจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง ภิกษุเหล่านั้นจำพรรษาด้วยมีใจรัญจวนว่า พระพุทธเจ้าประทับอยู่ใกล้ๆ ระยะทางห่างเพียง ๖ โยชน์ แต่ก็ไม่ได้เฝ้าพระองค์ ครั้นล่วง ๓ เดือน ภิกษุเหล่านั้นออกพรรษาทำปวารณาเสร็จแล้ว เมื่อฝนยังตกชุก พื้นภูมิภาคเต็มไปด้วยน้ำ เป็นหล่มเลน จีวรก็เปียกชุ่มชื้นด้วยน้ำ ลำบากกาย เดินทางไปถึงพระนครสาวัตถี พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกคหบดี เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

           การที่พระผู้มีพระภาคทั้งหลายทรงปราศรัยกับพระอาคันตุกะทั้งหลายนั้น เป็นพุทธประเพณี ครั้งนั้นพระองค์ได้ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า ยังพอทนได้หรือ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ เป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน จำพรรษาเป็นผาสุก และไม่ลำบากด้วยบิณฑบาตหรือ

           ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า ยังพอทนได้ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้ เป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน จำพรรษาเป็นผาสุก และไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต และได้กราบทูลเล่าตั้งแต่ต้นว่า เดินทางมาเฝ้าพระองค์ไม่ทัน เพราะต้องจำพรรษาในระหว่างทาง และเดินทางมาด้วยความลำบาก เพราะฝนยังตกชุก จีวรก็ชุ่มชื้นด้วยน้ำ

           ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น จึงตรัสสั่งกับพระภิกษุทั้งหลายว่า ทรงอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้วได้กรานกฐิน และเมื่อกรานกฐินแล้ว ย่อมได้อานิสงส์ ๕ ประการ

พระอรรถกถาจารย์อธิบาย

           ข้อความในตอนนี้ พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบายว่า๕ เมืองปาเฐยยะอยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้นโกศล คำว่าปาเฐยยะเป็นชื่อของพวกพระภัททวัคคิยเถระ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพระบิดาของพระเจ้าโกศล ในจำนวนภิกษุ ๓๐ รูปนั้น บรรลุเป็นพระอนาคามีเป็นอย่างสูงและบรรลุเป็นพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ ไม่มีพระอรหันต์หรือปุถุชนเลย และความจริงภิกษุทั้ง ๓๐ รูปนั้น สมาทานธุดงค์ทั้ง ๑๓ ข้อทีเดียว แต่ที่ยกขึ้นมากล่าวว่า ถืออารัญญิกธุดงค์นั้น เป็นเพียงยกขึ้นมากล่าวเป็นตัวอย่าง

มูลแห่งกฐิน๖

ถามว่า กฐินมีมูลเท่าไร มีวัตถุเท่าไร มีภูมิเท่าไร

ตอบว่า กฐินมีมูลอย่างเดียวคือสงฆ์

มีวัตถุ ๓ คือ ผ้าสังฆาฏิ ๑ ผ้าอุตราสงค์ ๑ ผ้าอันตรสาวก ๑

มีภูมิ ๖ คือ ผ้าทำด้วยเปลือกไม้ ๑ ผ้าทำด้วยฝ้าย ๑ ผ้าทำด้วยไหม ๑ ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ๑ ผ้าทำด้วยป่าน ๑ ผ้าทำด้วยสัมภาระเจือกัน ๑ (ผ้าผสมกัน)

ถวายกฐินหรือทอดกฐินกันเมื่อไร

           การถวายผ้ากฐินหรือทอดกฐินนั้น คือเดือนท้ายแห่งฤดูฝน๗ ทำกันภายในหนึ่งเดือน หลังจากออกพรรษา คือตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒

ใครเป็นผู้ถวายกฐิน

           บุคคลผู้ใดผู้หนึ่ง๘ จะเป็นเทวดาหรือมนุษย์หรือสหธรรมิกทั้ง ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา (สามเณรีที่ได้รับการอบรมเป็นเวลา ๒ ปี เพื่ออุปสมบทเป็นภิกษุณี) สามเณรี สามเณร คนใดคนหนึ่งถวายก็ใช้ได้

คหบดีจีวร

           สำหรับเรื่องของกฐินเป็นกิจของสงฆ์โดยเฉพาะ ส่วนฆราวาสเราที่ได้มีโอกาสถวายไตรจีวรที่สำเร็จรูปเป็นผ้ากฐินนั้น คงจะหลังจากที่พระพุทธองค ์ ทรงอนุญาตคหบดีจีวรแล้ว๙ คือท่านชีวกโกมารภัจจ์ได้ผ้าสิไวยกะคู่หนึ่ง เป็นผ้าเนื้อดีที่พระเจ้าจันทปัชโชตทรงส่งมาพระราชทานเป็นรางวัลในการที่ท่านได้รักษาพระองค์ให้ทรงหายประชวร เมื่อท่านชีวกโกมารภัจจ์ได้รับผ้าแล้ว ก็คิดว่าผ้านี้สมควรสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงได้ถวายแด่พระพุทธองค์และกราบทูลขอให้พระองค์ทรงพระพุทธานุญาตคหบดีจีวรแก่พระสงฆ์ด้วย พระพุทธเจ้าทรงรับผ้าคู่สิไวยกะแล้ว ครั้นแล้วทรงชี้แจงให้ชีวกโกมารภัจจ์ เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา เมื่อท่านชีวกโกมารภัจจ์ได้ถวายบังคมพระพุทธองค์ทำประทักษิณกลับไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้นแล้วตรัสสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย

เราอนุญาตคหบดีจีวร รูปใดปรารถนาจงถือผ้าบังสุกุล รูปใดปรารถนา จงยินดีคหบดีจีวร แต่เราสรรเสริญการยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้"

อ่านเพิ่มเติมที่

๑ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓ หน้า ๕-๖

๒ สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๘-๙ หน้า ๕๖-๗

๓ พจนานุกรม บาลี-ไทย-อังกฤษ เล่ม ๕ ของกรมการศาสนา

๔ กฐินขันธกะ ข้อ ๙๕-๖ มหาวรรค พระวินัยปิฎกแปลเล่มที่ ๘ หน้า ๑-๓ ฉบับบาลี เล่มที่ ๕ หน้า ๑๓๕-๖

๕ ตติยสมันตปาสาทิกา มหาวรรค ฉบับแปลตอน ๒ หน้า ๓๒๑ ฉบับบาลีภาค ๓ หน้า ๒๐๘

๖ ปริวารกฐินเภท ข้อ ๑๑๔๐ พระไตรปิฎกภาษาไทย เล่มที่ ๑๓ หน้า ๑๙๔-๕ ฉบับบาลี เล่มที่ ๘ หน้า ๔๐๓

๗ ปริวารกฐินเภท ข้อ ๑๑๔๖ พระไตรปิฎกภาษาไทย เล่มที่ ๑๓ หน้า ๑๙๗ ฉบับบาลี เล่มที่ ๘ หน้า ๔๓๕

๘ ตติสมันตปาสาทิกา มหาวรรค ฉบับแปลตอน ๒ หน้า ๓๒๕ ฉบับบาลีภาค ๓ หน้า ๒๑๐

๙ มหาวรรค จีวรขันธกะ ข้อ ๑๓๕ พระวินัยปิฎกภาษาไทย เล่มที่ ๘ หน้า ๖๗ ฉบับบาลีเล่มที่ ๕ หน้า ๑๙๑

ดาวน์โหลดสื่อการสอน

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....