สรุปสาระสำคัญวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยย่อ

      ปิดความเห็น บน สรุปสาระสำคัญวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยย่อ

สรุปสาระสำคัญวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยย่อ

1.      มารยาทของชาวพุทธ

      มารยาทของชาวพุทธ คือ ระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่ชาวพุทธยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติตนทั้งต่อพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนด้วยกัน ในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่วัดหรือที่อื่นๆ

      มารยาทของชาวพุทธที่ควรปฏิบัติต่อพระภิกษุให้ถูกต้องคือ

1.        การไปหาพระภิกษุที่วัด

        1.1  การแต่งกาย

      ก. ชาย      ควรสวมกางเกงขายาวจะสวมเสื้อแขนสั้นหรือยาวก็ได้

        ข. หญิง     ควรสวมเสื้อผ้าสีเรียบ ไม่สั้นไม่บางหรือรัดรูปจนเกินไป

        1. 2   การสนทนากับพระภิกษุ      การใช้สรรพนามแทนตัวเอง ต้องใช้ให้ถูกต้องตามมารยาทไทย

        ก. ชาย       ให้ใช้คำว่า  ผม หรือ กระผม

        ข.  หญิง    ให้ใช้คำว่า  “ดิฉัน”

2      การแสดงความเคารพต่อพระภิกษุ ควรปฏิบัติให้ถูกต้องดังนี้

        1.  การกราบพระที่ถูกต้องจะต้อง กราบ  3  ครั้งและต้องกราบแบบ “ เบญจางคประดิษฐ์”  โดยใช้ส่วนของร่างกาย 5 ส่วนจรดพื้น คือ หน้าผาก 1  มือ 2 เข่า 2   เรียกว่า กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์   ซึ่งวิธีนี้ใช้ในการกราบพระสงฆ์  ซึ่งมีขั้นตอนในการปฏิบัติดังนี้

        ขั้นตอนที่  1           ท่าเตรียมให้นั่งคุกเข่า

        ขั้นตอนที่  2           ทำอัญชลี  คือ   การไหว้แบบยกมือประนมไว้ที่ทรวงอก

        ขั้นตอนที่ 3            วันทา    คือ การไหว้ (ลักษณะการไหว้โดยให้ปลายนิ้วชี้จรดระหว่างคิ้ว ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมูก เป็นการไหว้ บิดามารดา)

        ข้อตอนที่ 4            อภิวาท   คือ การกราบจรดลงที่พื้น

        ส่วนการปฏิบัติตนเพื่อแสดงความเคารพต่อพระภิกษุให้ถูกต้องในเวลาอื่นๆ เช่น  เวลาใส่บาตร ควรถอดรองเท้า  เวลาถวายของพระภิกษุ ถ้าเป็นผู้หญิงควร   วางบนผ้า

2.     ชาวพุทธตัวอย่าง

        2.1            สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชสมภพ เมื่อวันที่ 1  มกราคม  2434 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 69   ในรัชกาลที่ 5

        เมื่อวันที่ 20  สิงหาคม 2447 ทรงบรรพชาเป็นสามเณร ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร  พระองค์ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรส  3  พระองค์   สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่างที่ดีที่ควรประพฤติตาม คือ  ทรงเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่   พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรชาวไทย โดยทรงห่วงใยในสุขภาพของราษฎรมากจึงทรงมีพระราชประสงค์ให้ก่อตั้ง  โรงพยาบาลศิริราช ขึ้น   และนอกจากนั้นพระองค์ทรงมีพระเมตตาทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อประเทศชาติ พระเมตตาของพระองค์นั้นสอดคล้องกับพุทธภาษิตในทางพระพุทธศาสนาว่า   เมตตาธรรมค้ำจุนโลก  ด้วยพระเมตตานี้ พระองค์จึงได้รับสมัญญานามจากพสกนิกรชาวไทยว่า “พระบิดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ของไทย” 

        2.2            สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  เดิมมีพระนามว่า นางสาวสังวาล ตะละภัฏ พระราชสมภพในวันที่  21 ตุลาคม 2443  เป็นบุตรีองค์ที่ 3 ของพระชนกชูและพระชนนีคำ ในขณะที่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงศึกษาที่โรงเรียนวัดอนงคาราม   ก่อน   ต่อมาจึงทรงย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนศึกษานารีและโรงเรียนสตรีวิทยาตามลำดับ

        พระองค์ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่างโดยการทรงมีพระเมตตาและทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์พัฒนาดอยตุง จนชาวไทยภูเขา ถวายพระนามว่า “แม่ฟ้าหลวง” ความเมตตาของพระองค์สอดคล้องกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เป็นพุทธภาษิตว่า “เมตตาธรรมค้ำจุนโลก”

3.      การบริหารจิตและการเจริญปัญญา   คือการฝึกจิตให้มั่นคงแน่วแน่อยู่กับสิ่งที่ปฏิบัติในปัจจุบัน  ซึ่งการบำเพ็ญภาวนาทางจิตเพื่อพัฒนาจิตให้มั่นคง ไม่หวั่นไหว และเพื่อบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ เรียกว่า สมาธิ   การทำสมาธิที่ถูกต้องตามหลักทางพระพุทธศาสนานั้นกระทำได้ในอิริยาบถทั้ง 4  คือ ยืน เดิน นั่งและนอน  ลักษณะการนั่งที่ถูกต้องในนั้นควรนั่งแบบขัดสมาธิ และกำหนดลมหายใจเข้า-ออก พร้อมกับบริกรรม ว่า  พุท – โธ  คือ เมื่อหายใจเข้าบริกรรมว่า พุท  หายใจออกบริกรรมว่า  โธ  ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะสงบ ถ้านักเรียนต้องการความสำเร็จในการเรียนหรือต้องการความเจริญก้าวหน้าในชีวิตการงาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ฝึกให้มีสมาธิทั้งในการฟัง อ่าน คิดและเขียน

4.      วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หมายถึง วันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเป็นส่วนใหญ่ เช่น

        วันมาฆบูชา  ที่แปลว่า  การบูชาในวันเพ็ญ เดือน 3  เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” ในวันนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 อย่างคือ

  1. พระสงฆ์สาวกล้วนเป็นพระอรหันต์
  2. พระสงฆ์สาวกล้วนเป็นเอหิภิกขุ ที่บวชจากพระพุทธเจ้า
  3. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันในที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย
  4. พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในวันนั้น

        วันวิสาขบูชา  แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญ เดือน 6  (ขึ้น 15 ค่ำ)   มีความสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าคือ วันนี้เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรง ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน  โดยวันนี้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้มีการประกอบพิธีวิสาขบูชาเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี

        วันอัฏฐมีบูชา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 7 วัน พุทธศาสนิกชนจึงได้ประกอบพิธีถวายถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า ซึ่งชาวพุทธเรียกวันนี้กันว่า วันอัฏฐมีบูชา  (วันเผาศพพระพุทธเจ้า)

        วันอาสาฬหบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือน 8 วันนี้มีความสำคัญเพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีใจความสำคัญคือ อริสัจ 4 เพื่อโปรดปัญจวัคคีย์   ชาวไทยของเราเริ่มประกอบพิธีที่สำคัญนี้ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน (ที่ 9)  เมื่อวันสำคัญเช่นนี้เวียนมาถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไปส่วนมากจะไปประกอบพิธีที่วัดโดยการเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ 3 รอบเพื่อระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยกัน

        วันธรรมสวนะ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  วันพระ ซึ่งแปลว่า เป็นวันประชุมถือศีลฟังธรรมในพระพุทธศาสนา วันพระนี้ 1 เดือนจะมี 4 วัน คือ วันขึ้น 8 คำ ขึ้น 15 ค่ำ วันแรม 8 ค่ำและแรม 15 คำ การที่ชาวพุทธไปถือศีลฟังธรรมนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษากายวาจาและใจให้เรียบร้อย

            ศาสนพิธี หมายถึง ระเบียบแบบแผนหรือแบบอย่างที่พึงปฏิบัติ ในทางพระพุทธศาสนามีหลักเกณฑ์ที่ควรปฏิบัติ

    1.      การอาราธนาศีลและการสมาทานศีล ได้แบ่งออกเป็น 2 ตอนคือ ตอนแรกขอศีลจากพระเรียกว่า การอาราธนาศีล เมื่อพระให้ศีลแล้ว รับศีลเรียกว่า การสมาทานศีล ค่ำอาราธนาศีลนั้นขึ้นต้นด้วยการกล่าวว่า  มะยัง ภันเต  ฯลฯ   สีลานิ    ยาจามะ เป็นต้น  

    2.      การอาราธนาธรรม  หมายถึงการกล่าวขอให้หรือขอนิมนต์ เชื้อเชิญพระภิกษุแสดงธรรมให้ฟังโดยมีคำกล่าวว่า พรัหมา จะ โลกา ฯลฯ ปะชัง เป็นต้น

    3.      การอาราธนาพระปริตร เป็นการกล่าวขอให้พระสงฆ์สวดมนต์ ถ้างานมงคล เรียกว่า การเจริญพระพุทธมนต์ แต่ถ้าเป็นงานอวมงคล (งานศพ) เรียกว่า สวดพระพุทธมนต์ มีค่ำขึ้นต้นว่า วิปัตติปะฎิพาหายะ ฯลฯ

เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....