พระเจ้าวิฑูฑภะ
คนเราจะดี จะเลวไม่ใช่ดูกันที่ชาติกำเนิด บางคนเกิดมาในตระกูลยากจน บางคนเกิดมาในตระกูลร่ำรวย ทุกคนมีโอกาสที่ทำความดีความชั่วเท่าเทียมกัน ชาติกำเนิดไม่ว่าวัดความดีความเลวของแต่ละคน แต่ว่าการกระทำในปัจจุบันของบุคคลคนนั้นต่างหาก ที่จะบ่งบอกว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลว ทุกคนตกอยู่ในกฎแห่งกรรมในอดีตของแต่ละคน ฯ
ประวัติของพระเจ้าวิฑูฑภะ เป็นบุคคลหนึ่งที่ให้แง่คิดแก่บุคคลที่เกิดมาต่างเชื้อสายวรรณะกัน แล้วเกิดการเดียดฉันกันระหว่างวงศ์ตระกูลจนทำให้เกิดการแก่งแย่งศักดิ์ศรีของตระกูลตนเอง ทำให้เกิดการฆ่าฟันรบรากัน จนเกิดเป็นสงครามในตระกูลทั้งฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดา มีผู้คนล่มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย
ชาติกำเนิด
พระเจ้าวิฑูฑภะ เป็นผู้นับเนื่องในตระกูลกษัตริย์ศากยะของพระพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตรย์ผู้ครองแคว้นโกศล แห่งเมืองสาวัตถี และบุตรสาวของพระเจ้ามหานามผู้เป็นพระเจ้าอาว์ของพระพุทธเจ้า แห่งศากยะวงค์ พระองค์เป็นผู้นับเนื่องในชั้นหลานของพระพุทธเจ้า พระเจ้าวิฑูฑภะมีเชื้อสายทางฝ่ายพระบิดาเป็นกษัตริย์ เป็นวรรณะกษัตริย์ แต่ว่าเชื้อสายทางพระมารดาเป็นนางทาสี จัดอยู่ในวรรณะชั้นต่ำหรือพวกศูทร พระองค์จึงเป็นผู้มีเชื้อสายระหว่างวรรณะกษัตริย์และวรรณะศูทรรวมกัน
ความเป็นมาระหว่างตระกูลทั้งสองก่อนที่พระเจ้าวิฑูฑภะจะมาถือกำเนิดสืบเชื้อสายนั้น เนื่องมาจากพระเจ้าปเสนทิโกศล มีความปรารถนาที่จะบำเพ็ญบุญความดีในพระพุทธศาสนา โดยถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขา และนางสุปปวาสา เป็นต้น ได้ปฏิบัติถวายอยู่
พระองค์ จึงเสด็จไปวิหาร (วัดเชตวัน) นิมนต์พระพุทธศาสดาพร้อมกับภิกษุ ๑,๐๐๐ รูป มารับภัตตาหาร พระองค์ได้ถวายทานด้วยพระองค์เองอยู่ตลอด ๗ วัน และในวันที่ ๗ จึงได้กราบถวายบังคมพระพุทธเจ้านิมนต์พระองค์พร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป มารับภัตตาหารที่ราชสำนักเป็นประจำด้วย พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับนิมนต์ได้ เพราะพระองค์ต้องเสด็จไปโปรดประชาชนอื่นบ้าง จึงไม่สามารถรับนิมนต์ประจำที่ได้ พระราชาจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าส่งภิกษุรูปหนึ่งมารับภัตตาหารแทนพระองค์ พระพุทธเจ้าจึงได้สั่งให้พระอานนท์ไปรับภัตตาหารเป็นประจำพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ถวายทานด้วยพระองค์เองอยู่ตลอด ๗ วัน ไม่ได้จัดเจ้าหน้าที่ให้ถวายแทนไว้ ในวันที่ ๘ พระองค์ทรงลืมมาถวายตามเวลา พระสงฆ์ต้องรอ มาถวายช้าไปหน่อย ในวันถัดมา ๒ วันพระองค์ก็ทรงลืมอีก ผู้คนในราชสำนักก็ไม่มีใครกล้านิมนต์ให้พระสงฆ์นั่งและถวายภัตตาหารได้ เพราะพระองค์ไม่ได้สั่งไว้ พระสงฆ์จึงต้องทยอยกลับวัดไปหมด เหลือแต่พระอานนท์รูปเดียวที่รอพระองค์อยู่ ทำไมพระอานนท์ไม่กลับวัด นั้นเป็นเพราะท่านเป็นผู้มีบารมีอันบำเพ็ญมาแล้วตั้งหลายแสนกัปป์ เป็นผู้มีบุญมาก เพื่อจะรักษาความเลื่อมใสของตระกูลไว้ ท่านจึงไม่ได้กลับ พวกราชบุรุษจึงนิมนต์ท่านรูปเดียวให้นั่งและถวายภัตตาหาร พระราชาเสด็จมา ทอดพระเนตรเห็นของฉันและของใช้เหลืออยู่ จึงตรัสถามว่า พระสงฆ์ไม่ได้มารับบิณฑบาตหรือ